เผยร่างระเบียบลงโทษวินัย ‘อัยการสูงสุด’ เสร็จแล้ว จ่อบรรจุวาระ ก.อ.พิจารณา 24 ม.ค.67 นี้ หากที่ประชุมเห็นชอบอาจประเดิมใช้คดีสั่งไม่ฟ้อง บ.เครือเปรมชัย รุกที่ป่า 6 พันไร่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณี เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2566 นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงาน อสส.ที่ 2840 /2566 แต่งตั้งคณะทำงานยกร่างระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อดีตอัยการสูงสุด มีคำสั่งสำนักงาน อสส. ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข่าวสารและเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานอัยการสูงสูงสุด จำนวน 6 คดี ประกอบไปด้วย คดีเผาสวนงูภูเก็ต , คดี ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก , คดีนายแทนไท ณรงค์กูล กับพวก , คดีมาวินเบต ดอทคอม และคดียาเสพติดเมทแอมเฟตามีน 400,000 เม็ด และ คดีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ กับพวก
ขณะที่ คณะทำงานทั้ง 5 คณะ ได้รายงานการตรวจสอบให้แก่ อสส.จนครบทั้ง 6 คดีแล้ว โดยคดีบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีนี้ ที่มี นายศักดา ช่วงรังษี อดีตรองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานได้เสนอความเห็นต่อ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดว่า การสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าวเป็นไปโดยไม่ชอบ ไม่ได้พิจารณาหลักฐานอย่างรอบคอบ ไม่เป็นไปตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงกับราชการและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมเสนอให้ดำเนินการลงโทษทางวินัย อย่างร้ายแรงกับอัยการระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว
ส่วนคดีบ่อนพนันออนไลน์ที่เรียกกันว่า มาวินเบต ดอทคอม โดยมีคำสั่งให้สำนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ต่อศาลจังหวัดชลบุรี ขณะเดียวกันคณะทำงานได้เสนอให้ อสส.ดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีนี้เช่นกัน
- ผลสอบคำสั่งไม่ฟ้อง 6 คดีฉาวเป็นเหตุ! ‘อำนาจ' สั่งยกร่างระเบียบลงโทษวินัย ‘อัยการสูงสุด’
- เสนอลงโทษวินัยร้ายแรงกราวรูด ‘บิ๊กอัยการ’ คดีสั่งไม่ฟ้อง บ.ซี.พี.เค. รุกป่า 6,000 ไร่
- ย้อนคดี บ.เครือเปรมชัย รุกป่า 6พันไร่ ก่อนชงโทษวินัยร้ายแรงกราวรูด ‘บิ๊กอัยการ’ สั่งไม่ฟ้อง
- ชัดๆ เปิดไทม์ไลน์คดีรุกป่า 6 พันไร่ - อดีต อสส.สั่งไม่ฟ้องสวนความเห็น 'สำนักชี้ขาด-รองฯ'
- หลักฐานชัด! บ.เครือเปรมชัย ยังถือครองที่ดินคดีรุกป่า 6 พันไร่-รัฐไม่ฟ้องขับไล่?
- พยานหลักฐานใหม่ รื้อฟื้นคดีบ.เครือเปรมชัยรุกป่า 6 พันไร่ กู้ศักดิ์ศรีอัยการ-ทวงคืนสมบัติชาติ
- ‘อสส.’สั่งฟ้องคดีบ่อนพนันออนไลน์‘มาวินเบตฯ’-ออกหมายเรียก 4 ผู้ต้องหา นำตัวส่งศาล
ล่าสุด แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้มีการร่างระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงดทษทางวินัยสำหรับอัยการสูงสุด พ.ศ... เสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีการนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.) ในวันที่ 24 ม.ค.2567 นี้
“ ถ้า ก.อ. เห็นชอบให้ใช้ระเบียบดังกล่าว นายอำนาจ เจนต์เจริญรักษ์ อสส. อาจมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตาม ระเบียบดังกล่าวให้มีการสอบสวนอัยการระดับสูงถูกกล่าวหาในคดีสั่งไม่ฟ้องบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ 6,000 ไร่ พร้อมกันไปในคราวเดียวกันด้วย” แหล่งข่าวระบุ
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับรายละเอียดในร่าง ระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับอัยการสูงสุด พ.ศ. .... มีจำนวน 10 ข้อ ให้ประธาน ก.อ. รักษาการตามระเบียบนี้
ระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับอัยการสูงสุดอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 30 (8) , (11) และมาตรา 82 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 คณะกรรมการอัยการจึงออกระเบียบ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับอัยการสูงสุด พ.ศ....”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ในระเบียบนี้
"ก.อ." หมายความว่า คณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
"คกก." หมายความว่า คณะกรรมการกลั่นกรองข้อกล่าวหาอัยการสูงสุด
"อัยการสูงสุด " หมายความว่า ผู้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดในขณะที่มีพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา
ข้อ 4 ให้ ก.อ. แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองข้อกล่าวหาอัยการสูงสุด เรียกโดยย่อว่า คกก. ประกอบด้วยข้าราชการอัยการซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้ตรวจการอัยการซึ่งไม่ได้เป็น ก.อ. จำนวนสามคนเป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่พิจารณากลั่นกรองและตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ในเรื่องที่มีการกล่าวหาอัยการสูงสุดโดยให้ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดทำหน้าที่เป็นประธาน
ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ คกก. มีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการอัยการเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ ตลอดถึงมีอำนาจเรียกหรือเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริงได้
ให้ คกก. ตามวรรคหนึ่งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง
กรณีที่กรรมการดังกล่าวในวรรคหนึ่งว่างลงหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ ก.อ. แต่งตั้งข้าราชการอัยการซึ่งมีคุณสมบัติตามวรรคหนึ่งขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทน โดยให้กรรมการซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนั้น มีวาระเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนปฏิบัติหน้าที่แทน
ข้อ 5 เมื่ออัยการสูงสุดถูกกล่าวหา ให้ คกก. ดำเนินการเพื่อให้ได้ความจริงและเป็นธรรมโดยมิชักช้า
การกล่าวหาดังต่อไปนี้ คกก. อาจไม่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ได้
(1) การกล่าวหาเป็นบัตรสนเท่ห์ซึ่งไม่มีพยานหลักฐานปรากฎชัดแจ้ง และไม่ชี้พยานบุคคลแน่นอนพอที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงได้
(2) การกล่าวหาไม่มีข้อมูล หรือไม่มีสาระเพียงพอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้
(3) การกล่าวหาเรื่องการใช้ดุลพินิจในการสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่
ข้อ 6 เมื่อ คกก. ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นแล้ว ให้เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อ ก.อ. เพื่อพิจารณา
กรณีที่ คกก. เห็นว่าจะไม่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อ 5 วรรคสองให้เสนอ ก.อ.ยุติเรื่อง หาก ก.อ. เห็นชอบด้วย ให้ ก.อ. มีมติยุติเรื่อง แต่หาก ก.อ. เห็นว่า ข้อกล่าวหานั้นจะดำเนินการให้ ก.อ. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นจากกรรมการอัยการประกอบด้วยประธานกรรมการหนึ่งคนและกรรมการอย่างน้อยสองคน โดยกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน กรณีมีความจำเป็นจะแต่งตั้งกรรมการจากข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหาก็ได้
กรณีที่ คกก. เห็นว่าข้อกล่าวหานั้น เป็นกรณีที่จะดำเนินการสอบสวนได้ ให้เสนอ ก.อ. หาก ก.อ. เห็นชอบด้วย ให้ ก.อ. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นตามวรรคสอง หาก ก.อ.ไม่เห็นชอบด้วย ให้ ก.อ. มีมติยุติเรื่อง
ประธานกรรมการสอบสวนชั้นต้นอาจแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายอัยการเป็นผู้ช่วยเลขานุการเพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือในการบันทึกถ้อยคำ รวบรวมเอกสารหรือดำเนินการอื่นตามที่ประธานเห็นสมควร และให้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ
การสอบสวนชั้นต้นให้ดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการโดยอนุโลม
เมื่อคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นทำการสอบสวนเสร็จแล้วให้จัดทำรายงานสรุปผลการสอบสวนเสนอ ก.อ. เพื่อพิจารณา
กรณีที่ ก.อ. เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามิได้กระทำผิดวินัยหรือการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่เป็นความผิดวินัย ให้ ก.อ. มีมติยุติเรื่อง
กรณีที่ ก.อ. เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง ให้ ก.อ. มีมติตามมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 ต่อไป
ข้อ 7 กรณีที่ผลการสอบสวนชั้นต้นปรากฎว่ามีมูลเป็นกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้ ก.อ. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงจากกรรมการอัยการสามคน ซึ่งมิใช่ผู้ที่เคยทำหน้าที่ คกก. หรือคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นในข้อ 6 เพื่อทำการสอบสวน ประกอบด้วยประธานกรรมการหนึ่งคนและกรรมการอย่างน้อยสองคน โดยให้กรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการ เว้นแต่มีความจำเป็นจะแต่งตั้งกรรมการจากข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหาก็ได้
ประธานกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงอาจแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายอัยการเป็นผู้ช่วยเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือในการบันทึกถ้อยคำ รวบรวมเอกสารหรือดำเนินการอื่นตามที่ประธานกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงเห็นสมควร และให้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ
การสอบสวนให้ดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงข้าราชการอัยการโดยอนุโลม
เมื่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงทำการสอบสวนเสร็จแล้วให้จัดทำรายงานสรุปผลการสอบสวนเสนอ ก.อ. เพื่อพิจารณา
กรณีที่ ก.อ. เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามิได้กระทำผิดวินัยหรือการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่เป็นความผิดวินัย ให้ ก.อ. มีมติยุติเรื่อง
กรณีที่ ก.อ. เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง ให้ ก.อ. มีมติตามมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ ศ. 2553 ต่อไป
กรณีที่ ก.อ. เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ ก.อ. มีมติลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ แล้วแต่กรณี
ข้อ 8 การเสนอเรื่องต่อ ก.อ. ตามระเบียบนี้ ให้เสนอเรื่องต่อประธาน ก.อ. เพื่อให้ ก.อ. พิจารณา
ข้อ 9 ให้ ก.อ. มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ข้อ 10 ให้ประธาน ก.อ. รักษาการตามระเบียบนี้
บรรดาระเบียบ ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งอื่นใดซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ประกาศ ณ วันที่ มกราคม พ.ศ. 2567