"...หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย.4 (ภูเรือ) ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ยังระบุด้วยว่า เนื่องจากความเสียหายที่เกิดจากการบุกรุกของเอกชนได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับระบบนิเวศของทรัพยากรป่าไม้เป็นจำนวนมาก และค่อนข้างร้ายแรง ขณะนี้ได้รับทราบข้อมูลจากกองนิติการกรมป่าไม้ว่ากำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องขับไล่เป็นคดีแพ่งเอกชนกับพวก พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายทางทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อมที่เสียหายไปอย่างร้ายแรง หากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวจะรีบแจ้งให้อัยการจังหวัดเลยทราบเป็นข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาหาแนวทางแก้ไขและประสานงานกันต่อไป..."
ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก กรณี บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก บุกรุกยึดครองหรือทำประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนฯกว่า 6,200 ไร่ ใน อ.ภูเรือ จ.เลย ซึ่งเป็น 1 ใน 6 คดี ที่ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงาน อสส.ที่ 2840 /2566 แต่งตั้งคณะทำงานยกร่างระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับอัยการสูงสุด อันเป็นผลมาจากข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานอัยการสูงสูงสุด
ขณะที่ คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก ที่มี นายศักดา ช่วงรังษี อดีตรองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานได้เสนอความเห็นต่อ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดว่า การสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าวเป็นไปโดยไม่ชอบ ไม่ได้พิจารณาหลักฐานอย่างรอบคอบ ไม่เป็นไปตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงกับราชการและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมเสนอให้ดำเนินการลงโทษทางวินัย อย่างร้ายแรงกับอัยการระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอให้สาธารณชนรับทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่องในขณะนี้นั้น
- ผลสอบคำสั่งไม่ฟ้อง 6 คดีฉาวเป็นเหตุ! ‘อำนาจ' สั่งยกร่างระเบียบลงโทษวินัย ‘อัยการสูงสุด’
- เสนอลงโทษวินัยร้ายแรงกราวรูด ‘บิ๊กอัยการ’ คดีสั่งไม่ฟ้อง บ.ซี.พี.เค. รุกป่า 6,000 ไร่
- ย้อนคดี บ.เครือเปรมชัย รุกป่า 6พันไร่ ก่อนชงโทษวินัยร้ายแรงกราวรูด ‘บิ๊กอัยการ’ สั่งไม่ฟ้อง
- ชัดๆ เปิดไทม์ไลน์คดีรุกป่า 6 พันไร่ - อดีต อสส.สั่งไม่ฟ้องสวนความเห็น 'สำนักชี้ขาด-รองฯ'
ข้อมูลสำคัญอีกชุดหนึ่ง ที่ยังไม่ถูกนำเสนอต่อสาธารณชนเป็นทางการ คือ สภาพของที่ดินจำนวน 6,200 ไร่ ใน อ.ภูเรือ จ.เลย ที่อยู่ในความครอบครองของ บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ปัจจุบันเป็นอย่างไร?
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า ในช่วงเดือน พ.ค.2566 หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย.4 (ภูเรือ) ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ได้ทำรายงานข้อมูลการเข้าตรวจสอบพื้นที่ จำนวน 6,200 ไร่ ใน อ.ภูเรือ จ.เลย ที่อยู่ในความครอบครองของ บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตามที่ปรากฏเป็นข่าว แจ้งต่ออัยการจังหวัดเลย ว่า นับตั้งแต่ เดือน เม.ย.2566 เจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจลาดลาดตระเวนและสืบหาข่าวในพื้นที่ตรวจยึดเป็นการต่อเนื่อง พบข้อมูลสำคัญหลายส่วน อาทิ บริเวณบ้านพัก มีชายไทย 2 คน และหญิง 1 คน ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าบ้านพัก
ส่วนบริเวณบ้านพักคนงาน ตามพิกัด 47 Q 744008 1917213 พบรถยนต์และรถจักรยานยนต์จอดอยู่ในบริเวณบ้านพัก และควายที่เลี้ยงไว้จำนวนหนึ่ง
แต่ในส่วนบริเวณแปลงมะคาเดเมียร์ พิกัด 47 Q 744008 1917213 พบร่องรอยการตัดต้นไม้ กานต้นไม้ การปรับไถหน้าดินเพื่อทำแนวกันไฟ และการปลูกซ่อมต้นมะคาเดเมียร์
ขณะที่ในส่วนบริเวณบ้านพักคนงานสระหนองดุก พบคนงาน 6 คน ได้สอบถามทราบว่ามารับจ้างรายเดือน/เดือนละ 9,000 บาท และรับจ้างรายวันอัตราวันละ 330 บาท ทำหน้าที่ตัดหญ้า ถางป่า เก็บเมล็ดมะคาเคเมียร์ หรือทำงานตามคำสั่งของหัวหน้าคนงาน/ผู้จัดการ ได้สอบถามคนงานทราบว่ามีผู้จัดการ จำนวน 2 คน พักอยู่ที่บ้านพักบริเวณสระหนองดุก
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานกระเทาะเปลือกมะคาเดเมียร์ สอบถามผู้จัดการ ทราบว่าบริเวณที่ตั้งโรงานมีเอกสารสิทธิ์ทางที่ดิน (โฉนดที่ดิน) เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ เป็นของบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย.4 (ภูเรือ) ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ยังระบุด้วยว่า เนื่องจากความเสียหายที่เกิดจากการบุกรุกของเอกชนได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับระบบนิเวศของทรัพยากรป่าไม้เป็นจำนวนมาก และค่อนข้างร้ายแรง ขณะนี้ได้รับทราบข้อมูลจากกองนิติการกรมป่าไม้ว่ากำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อฟ้องขับไล่เป็นคดีแพ่งเอกชนกับพวก พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายทางทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อมที่เสียหายไปอย่างร้ายแรง หากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวจะรีบแจ้งให้อัยการจังหวัดเลยทราบเป็นข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาหาแนวทางแก้ไขและประสานงานกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า การแจ้งข้อมูลของ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย.4 (ภูเรือ) ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ให้อัยการจังหวัดเลยรับทราบดังกล่าว เป็นผลมาจากอัยการจังหวัดเลย ขอทราบข้อเท็จจริง การยึดถือ ครอบครองที่ดินของบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก บริเวณที่เกิดเหตุตั้งแต่ถูกดำเนินคดีจนถึงปัจจุบัน มีการทำประโยชน์ในที่ดินที่เกิดเหตุอย่างไร หรือมีบุคคลใดยึดถือครอบครองในที่ดินบริเวณดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร และที่ดินดังกล่าวใช้ทำประโยชน์เพื่อการใดและมีบุคคลใดขออนุญาตจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ที่ดินดังกล่าวหรือไม่อย่างไร และเพื่อการใด
ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจาก https://www.google.com/maps เกี่ยวกับรังเย็นรีสอร์ท หมู่ 7 ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งเคยถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่าเป็นพื้นที่ในความครอบครองของบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พบว่ายังปรากฏข้อมูลสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่อยู่ หลังจากที่ในการตรวจสอบข้อมูลของดีเอสไอ ร่วมกับกรมป่าไม้ บินถ่ายภาพทางอากาศในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้ พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ มีการเข้าครอบครองทำประโยชน์ มีสิ่งปลูกสร้าง มีพืชผลทางการเกษตร ได้แก่ ต้นแมคคาดาเมียร์ ต้นยูคาลิปตัส ผลไม้อื่นๆ มีการสร้างอ่างเก็บน้ำ ถนน ตลอดจนมีระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา เข้าไปถึงในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าพื้นที่ที่อยู่นอก น.ส.3 ก. มีร่องรอยการถูกบุกรุกเพิ่มเติมอีกด้วย
แฟ้มภาพ รังเย็นรีสอร์ท บ้านชัยชนะ เมื่อครั้งดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง นายฉลองชัย ศาลางาม เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน่าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย.4 (ภูเรือ) ที่ปรากฏชื่อเป็นผู้ลงนามในหนังสือรายงานข้อมูล ข้อเท็จจริง การยึดถือ ครอบครองที่ดินของบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก ต่อ อัยการจังหวัดเลยดังกล่าว เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้
นายฉลองชัย ตอบสั้นๆ ว่า "จำไม่ได้"
เมื่อถามถึงสภาพข้อเท็จจริง การยึดถือ ครอบครองที่ดินของบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดกับพวก ในปัจจุบัน
นายฉลอง ตอบว่า "ที่ทราบก็คือว่าทางดีเอสไอรับดำเนินคดีต่อ เห็นว่าทางอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าสถานการณ์ในพื้นที่หลังจากที่อัยการมีคำสั่งไม่สั่งฟ้องเป็นอย่างไร
นายฉลองชัยเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นนายพสธร ไชยศึก เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส จ.เลย เข้ามาตอบคำถามของผู้สื่อข่าวแทนนายฉลองชัย
โดยนายพสธรระบุกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นผู้ช่วย
นายพสธร กล่าวว่า คดีนี้ทางดีเอสไอรับไป แล้วทราบข่าวทางบอกเล่าว่ามีการสั่งไม่ฟ้อง แต่ยังไม่มีลายลักษณ์อักษรมา แต่ทางหน่วยงานจะติดตามขอเอกสารเพื่อดำเนินการไปอ่านสำนวนคดีว่ามีเหตุผลใดที่ไม่สั่งฟ้อง หรือมีข้อผิดพลาดประการใด แล้วจะให้ขนบริวารออกจากพื้นที่หรือไม่ ต้องไปดูรายละเอียด แต่โดยปกติพื้นที่จะมีคนเฝ้าดูแล แต่ยังไม่มีการทำกิจการใด ๆ
"หลังจากที่มีเรื่องกัน คดีนี้เป็นคดีใหญ่ ดีเอสไอเลยรับเรื่องไป ทางหน่วยขอไปดูรายละเอียดก่อนว่ามีเหตุผลประการใด เข้าข้อกฎหมายใด เพราะถ้าบอกไปตอนนี้จะมีผลต่อรูปคดีทั้งฝ่ายผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้องทั้งสองทาง" นายพสธร กล่าว
แฟ้มภาพ : ดีเอสไอเข้าตรวจสอบพื้นที่ในช่วงปี 2561
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าพื้นที่ในตอนนี้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล แต่ยังไม่ดำเนินการสิ่งใดใช่หรือไม่
นายพสธร ตอบว่า "ใช่ คือเจ้าหน้าที่ดูแลโดยลักษณะปกติ แต่จะมีเจ้าของเดิมที่เขาต้องดูแลทรัพย์สินเขาอยู่ คือเจ้าของเดิมเขามีทั้งบ้านพักและที่ดินที่ยังเป็นคดีความกันอยู่ ซึ่งยังไม่เสร็จสิ้นว่าใครชนะใครแพ้" นายพสธร กล่าว
ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินใน อ.ภูเรือ จ.เลย ที่อยู่ในความครอบครองของ บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบล่าสุด
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ ปัจจุบันอัยการสูงสุด ยังไม่ได้การสั่งฟ้องคดี ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาชี้ขาด บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และผู้เกี่ยวข้องยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
- ทวงคืนที่ดิน บ.เครือเปรมชัย!ดีเอสไอ-กรมป่าไม้ ลุยยึด น.ส.3 ก.จ.เลย 147แปลง 6,229 ไร่
- ทำความรู้จัก บ.ซี.พี.เค.ฯ ไร่องุ่น โรงบ่มไวน์ 6 พันไร่กลุ่มเปรมชัย จ.เลย 700 ล.
- DSI ส่งสำนวนคดี บ.ซี.พี.เค.ฯเครือเปรมชัย-พวก รุกป่า 6,948 ไร่ จ.เลย ให้อัยการ
- ผลสอบคำสั่งไม่ฟ้อง 6 คดีฉาวเป็นเหตุ! ‘อำนาจ' สั่งยกร่างระเบียบลงโทษวินัย ‘อัยการสูงสุด’
- ขยะ (ยังคงซุกอยู่) ใต้พรมในสำนักงานอัยการสูงสุด?