‘เศรษฐา’ ย้ำชัดไม่เลิกหมื่นดิจิทัล น้อมรับทุกคำวิจารณ์ไปปรับปรุง แจงยิบไม่ใช่โครงการโกยคะแนน แต่มีเพื่อให้ประชาชนตั้งตัว สะกิดนักวิชาการมีคนละ 1 เสียง แต่ประชาชนอีกสิบล้านคน ก็รอนโยบายนี้ แย้มสิ้นเดือน ต.ค.นี้ เห็นไส้ในโครงการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่สถานีตำรวจภูธรหัวโทน ต.หัวโทน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายดิจิทัลวอลเลตว่า ตลอด 48 ชม.ที่ผ่านมามีนักวิชาการหลายท่านไม่เห็นด้วย และขอให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายนี้
“ผมยืนยันนะครับตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ทางรัฐบาลนี้ บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับเรื่องโครงการเงินดิจิทัล ได้มีการรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำทั้งหลายจากทุกๆหน่วยงาน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย รัฐบาลน้อมรับและจะนำไปพิจารณาเพื่อจะนำไปปรับปรุง แต่งเติมให้ทุกอย่างดูดีขึ้น แต่จะไม่มีการยกเลิกครับ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
@ไม่ใช่โครงการหาเสียง
นายเศรษ๋ฐากล่าวต่อว่า ยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ใช่แค่โครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่จะโปรยเงินให้ประชาชนกลับมาเลือกพรรคเพื่อไทยใหม่ แต่เป็นโครงการที่ตระหนักดีถึงความจำเป็นและความต้องการของประชาชน ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม ตลอด 1 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศต้องยอมรับว่าประเด็นค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่สำคัญ การที่ประชาชนจะมีขวัญและกำลังใจในการทำมาหากินประกอบอาชีพ เรื่องลดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งรัฐบาลลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการพักหนี้เกษตรกรแล้ว ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญ เพราะการที่ประชาชนมีรายจ่ายเยอะ มีภาระเยอะก็ไม่มีขวัญและกำลังใจในการทำมาหากิน
ดังนั้น การลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้พลังงานก็ทำให้ประชาชนกลับมามีขวัญและกำลังใจในการทำมาหากิน เมื่อมีขวัญและกำลังใจแล้วก็จะไปสู่ประเด็นถัดไปคือแล้วจะเอาทุนรอนที่ไหน คนต่างจังหวัดไม่ได้มีเงินทุนมาก เหมือนคนที่อยู่ฐานบนของสังคม ความเหลื่อมล้ำมีเยอะในสังคมไทย ประชาชนในต่างจังหวัดไม่มีเงิน งบประมาณที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเลตจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่ได้ทำทุกปี อยากขอความเข้าใจว่าโครงการนี้จะทำแค่หนเดียว ไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อซื้อเสียงหรือเพื่อโดนใจประชาชน แต่เพื่อให้ประชาชนมีเงินทุนในการไปประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
@นักวิชาการมี 1 เสียง ประชาชนอีกสิบล้านเสียงก็รอใช้
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์โครงการนี้เป็นจำนวนมาก ก็น้อมรับในคำวิจารณ์เหล่านั้น แต่นักวิชาการเหล่านั้นก็มีเพียง 1 เสียง มีประชาชนอีกหลายสิบล้านเสียงที่ต้องการโครงการนี้ รัฐบาลน้อมรับและรับฟังเพื่อนำไปปรับปรุงเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เสียภาษี หรือฝ่ายประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจที่หมักหมมมานาน ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะไม่ลุแก่อำนาจ และจะรับฟังความคิดเห็น
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความลำบากของประชาชนและการที่ประชาชนขาดเงินทุนในการดำรงชีพเป็นเรื่องที่สำคัญ และรัฐบาลต้องให้ความสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นยืนยันจะไม่มีการยกเลิกโครงการนี้
“วิงวอนถึงนักวิชาการด้วย เพราะพวกท่านแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาเยอะ ยืนยันว่าแสดงความคิดเห็นออกมาอีก และนักวิชาการที่เห็นด้วยกับโครงการนี้ก็มีก็ช่วยกันแสดงความเห็นออกมาด้วย ผมเองในฐานะคนกลางในฐานะตัวแทนพี่น้องประชาชนก็จะนำไปพิจารณาและปรับปรุงโครงการดิจิทัลวอลเลตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ให้โดนใจทุกคน” นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะพูดคุยกับนักวิชาการที่ออกมาคัดค้าน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการพูดคุยกันตลอด สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้แลกเปลี่ยนกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และทีมงานได้คุยกัยบนักวิชาการหลายๆคน ก็รับฟังตลอด
@พร้อมนำข้อท้วงติงไปปรับปรุง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่การคัดค้านมาจากการที่ยังไม่เห็นรายละเอียดของโครงการนี้ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ก็เป็นไปได้ ตอนนี้ขอให้รายละเอียดต่างๆตกผลึกก่อนในแง่ของนโยบายก่อน อย่างกรณีรัศมี 4 ตร.กม.อาจจะไม่พอ เพราะบางพื้นที่เป็นทุ่งโล่งๆ ไม่มีร้านค้า รัฐบาลก็รับฟังและจพิจารณากันใหม่ ซึ่งคาดว่าปลายนี้ รายละเอียดทุกอย่างจะออกมา ขอให้อดทนนิดนึง ตอนนี้ตนก็มีข้อมูลแล้ว และไม่ได้ทำทุกปี ทำครั้งเดียว และไม่ใช่แค่ประชาชนได้ ภาคอุตสาหกรรมก็ได้ ก็ลองคิดดูว่า วันที่เงินเข้าไปสู่กระเป๋าสตางค์ประชาชนทุกคน ประมาณ 500,000 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม ก็ต้องผลิตสินค้ามารองรับ มีการซื้อวัตถุดิบ มีการจ้างงานเกิดขึ้น มีการจ่ายภาษีต่างๆเกิดขึ้น บริษัทห้างร้านก็ได้กำไร รัฐบาลไม่ได้จ่ายอย่างเดียว รายได้ก็มีกลับมาด้วย
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่มีบางฝ่ายกระตุกขาในประเด็นนี้ นายเศรษฐาตอบว่า กังวลทุกเรื่อง เพราะมาอยู่ตำแหน่งนี้ต้องให้ความสำคัญกับข้อคิดเห็นของทุกๆฝ่าย ถ้ามีการทักท้วงมา รัฐบาลก็มีความกังวล เพราะรัฐบาลเชื่อว่าทุกคนเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งมีสิทธิ์จะให้ความคิดเห็น ความคิดเห็นนั้นรัฐบาลก็กังวลแต่ว่าจะทำให้ดีที่สุด
อ่านประกอบ
- แถลงการณ์ 99 นักเศรษฐศาสตร์ : ค้านหว่านดิจิทัล 10,000 บาท ผลเสียกับอนาคตประเทศ
- วิรไท สันติประภพ : การบริหารบ้านเมืองด้วยความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจรัฐ
- เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ : เงินเฟ้อที่สูงมาก-หนี้สินที่คุมไม่ได้ ย่อมเสี่ยงเกิดวิกฤติ ศก.
- ธาริษา วัฒนเกส : ภาระการคลังของการแจกเงิน
- ‘ผู้ว่าฯธปท.’แนะรัฐบาล‘พักหนี้ฯ-แจกเงินดิจิทัล’เฉพาะกลุ่ม-ย้ำไม่เปลี่ยน‘นโยบายการเงิน’
- กกร.แนะรัฐบาลแจกหมื่นดิจิทัล ต้องจำกัดกลุ่ม ชี้ช่องฐานบัตรคนจน 40 ล้านคน
- ‘คกก.เติมเงินดิจิทัล’ตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนฯ-‘เศรษฐา’กำชับหากมีข้อขัดแย้งให้พูดในบอร์ด
- นายกฯนั่งปธ.! ครม.เคาะตั้ง‘บอร์ดแจกเงินดิจิทัล’-ชี้ขยับเพดานก่อหนี้ฯเป็นหนึ่งใน‘ทางเลือก’
- ‘เศรษฐา’ ปัดไม่มีความขัดแย้ง ยันเรียกผู้ว่าแบงก์ชาติคุยปกติ เล็งหารือให้บ่อยขึ้น