'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' ประเมินงบประมาณปี 67 ประกาศใช้ไม่ลากไปถึงเดือน มี.ค. 67 หาก กกต.เร่งรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.โดยเร็ว คาดช่วงครึ่งเดือนหลัง มิ.ย.นี้ น่าจะได้เห็น ชี้ตั้งคณะดูงบปี 67 แล้ว มีทั้ง 'รื้อ' และ 'ใช้' ส่วนทำงบฐานศูนย์ ปี 68 น่าจะทำได้มากที่สุด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 9 มิถุนายน 2566 จากกรณีที่สำนักงบประมาณ ชี้แจงถึงการเตรียมการเพื่อจัดทำงบประมาณปี 2567 ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยระบุว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2567 จะล่าช้าไปกว่ากำหนดเดิม ซึ่งจะประกาศใช้ในวันที่ 1 ต.ค.2566 ออกไปประมาณ 6 เดือน หรือไม่เกินเดือน มี.ค.2567 เนื่องจากต้องรอรัฐบาลใหม่นั้น
ล่าสุด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า จากที่ได้ประชุมร่วมกับหัวหน้าพรรคที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรคเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566 ก็คงไม่ใช่แค่ของพรรคก้าวไกลอย่างเดียว โดยตอนนี้คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านทั้ง 12 คณะต้องคำนึงถึงงบประมาณที่จะต้องทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ด้วย เพราะฉะนั้น ทีมที่ต้องรับผิดชอบด้านงบประมาณจะมี 2 คณะด้วยกันคือ คณะรื้อ และ คณะใช้
คณะรื้อ ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุไว้เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2566 ว่า ยังเหลือวงเงินงบประมาณปี 2567 ที่มาบริหารจัดการโครงการใดก็ได้ประมาณ 250,000 ล้านบาท คณะนี้จะเข้าไปสำรวจตั้งแต่ตอนนี้ แต่จะทำเท่าที่กฎหมายอนุญาตเท่านั้นว่า งบส่วนใดที่เป็นไขมัน รื้อออกได้บ้าง ส่วนคณะใช้งบ ก็จะไปที่ตุ๊กตาที่ตั้งงบไว้ที่ 3.35 ล้านล้านบาท ถ้านโยบายที่หาเสียงไว้ไม่ได้อยู่ในนั้น ก็ต้องหาทางแก้ไข
ส่วนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีแบบฐานศูนย์ หรือ Zero-Based Budgeting จะไม่ได้เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด โดยจะตัดงบไขมันออกไป และเอาความท้าทายของประเทศมาเป็นตัวตั้ง และปีต่อไปจะพยายามทำงบประมาณฐานศูนย์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งมีอุปสรรคคือในส่วนรายจ่ายประจำ และรายจ่ายที่เป็นรายการผูกพันงบประมาณจากรัฐบาลก่อน
เมื่อถามว่า จะสามารถเร่งรัดการจัดทำงบประมาณปี 2567 ได้รวดเร็วกว่ากำหนดของสำนักงบประมาณที่ มี.ค. 2567 ได้หรือไม่ นายพิธาตอบว่า การบังคับใช้น่าจะไม่ต้องรอถึง มี.ค. 2567 ถ้าการรับรองผลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ลากจนครบกำหนดในวันที่ 13 ก.ค. 2566 คิดว่าครึ่งเดือนหลังของเดือน มิ.ย.นี้ น่าจะกระชับเวลากันเร็วมากขึ้น หาก กกต. รับรอง ส.ส.ได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับการจัดทำงบประมาณของประเทศเท่านั้น
อ่านประกอบ