ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'วรยุทธ คุ้มสิน' อดีตปลัดเทศบาลตำบลบ่อพลอย กาญจนบุรี ออก ภ.บ.ท. 5 โดยมิชอบ นำไปหลอกลวงใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา คืนเงิน 910,000 บาท นับโทษต่อคดีเก่าด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายวรยุทธ คุ้มสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดเทศบาลตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี กับพวก คือ นางสาวกัญจนา หนูขาว ออกเอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท. 5) เลขสำรวจที่ 915 หมู่ที่ 1 โดยมิชอบ และนำไปหลอกลวงใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา 157 , 162 (1) (2) และ (4) และ มาตรา 341 และตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช.พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.
2554 มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช พ.ศ.2561 มาตรา 172) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาว่า นายวรยุทธ คุ้มสิน จำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
จำคุก 3 ปี
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามป.อ.
มาตรา 78
คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน
พิเคราะห์รายงานสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติแล้ว กรณีเห็นไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย
ให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท 40/2563 ของศาลนี้ กับให้คืนเงิน 910,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 จากต้นเงินดังกล่าวจนกว่าจะแล้วเสร็จแก่โจทก์ร่วมค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
ส่วนนางสาวกัญจนา หนูขาว พวก ไม่ปรากฏข้อมูลถูกศาลฯ พิพากษาตัดสินลงโทษแต่อย่างใด
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติเห็นชอบตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวในหมวดเดียวกัน
- เหลือคุกคนละ4ปี! ศ.อุทธรณ์ ลดโทษอดีตคณบดีสหเวชฯ มศว-พวก แอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยหาปย.
- คุก 3 ปี 4 ด.! อดีตนายช่างโยธา 7 สป.กษ. ทุจริต 4 โครงการในสำนักงาน ส.ป.ก.
- ยืนโทษ! คุก 3 ปี อดีตนายกฯ โพธิ์ไชย ขอนแก่น ทุจริตซื้อรถมินิบัส - พวก 5 รายโดนด้วย
- ไม่รอลงอาญา! คุก 8 ด. อดีตนายก อบต.สุมเส้า อุดรฯ ทุจริตโครงการถนน คสล.
- เบียดบังรางรถไฟ! ศ.อุทธรณ์ ยืนโทษจำคุก 3 ปี 9 ด.อดีตนายตรวจทางโคกคลี-ชดใช้ 5.6 แสน
- ทุจริตจัดซื้อหินคลุก! ศ.อุทธรณ์ ยืนโทษคุก 2 ปี 6 ด. อดีตนายกเทศฯ หนองวัวซอ อุดรธานี
- อายุมาก 83 ปีแล้ว! รอลงอาญาโทษคุก1 ปี อดีตนายกอบต.เสือเฒ่า ไม่ลงนามในคำสั่งโอนย้าย
- ผอ.กองฯ โดนคุกคนเดียว 5 ปี! ยกฟ้องอดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ ทุจริตกำจัดวัชพืช-ป.ป.ช.ค้าน
- อดีตผู้ว่าฯ พังงาได้รอลงอาญา! ศ.อุทธรณ์ แก้โทษเหลือคุก 1 ปี 4 ด. คดีขุดคลองผิดกม.
- คุก 2 ปี-ปรับ1หมื่น! ศ.อุทธรณ์ ลงโทษ หจก.พวกอดีตนายกเทศฯ วังเหนือ คดีจัดซื้อที่ดินแพง