3 กรรมการ กสทช. ‘พิรงรอง-ธนพันธุ์-ศุภัช’ ส่งหนังสือถึง ‘นพ.สรณ’ แจ้ง 'ไม่รับทราบ' รายงาน ‘มติบอร์ด กสทช.’ กรณีให้ ‘ประธานฯ’ เลือก ‘เลขาธิการ กสทช.’ ท้วงส่อขัด 'ระเบียบ กสทช.-พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ' ฝ่าฝืนมีโทษอาญา
....................................
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2566 ที่มี นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. เป็นประธานในการประชุม ได้มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง เห็นชอบแนวทางการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. คนใหม่ โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้ประธาน กสทช. เป็นผู้คัดเลือกเลขาธิการ กสทช. ก่อนส่งรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้บอร์ด กสทช.เห็นชอบ นั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา กรรมการ กสทช. 3 ราย ได้แก่ ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต ,พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และ รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย ได้ทำหนังสือแจ้ง นพ.สรณ ในฐานะประธาน กสทช. โดยมีเนื้อหาว่า กรรมการ กสทช. ทั้ง 3 ราย ไม่อาจรับทราบมติที่ประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2566 เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2566 ระเบียบวาระที่ 1 เรื่อง ที่ประธาน กสทช. แจ้งให้ที่ประชุมทราบ ได้
ทั้งนี้ เนื่องจาก การที่ประธาน กสทช. ได้แจ้งในที่ประชุมว่า ให้แยกวาระเรื่องกระบวนการสรรหาเลขาธิการ กสทช. และวาระเรื่องคุณสมบัติของเลขาธิการ กสทช. ออกจากกัน ซึ่งในส่วนของกระบวนการสรรหา เลขาธิการ กสทช. นั้น เห็นสมควรให้กำหนดเป็นวาระเพื่อทราบเท่านั้น โดยให้ประธาน กสทช. เป็นผู้ส่งหนังสือเทียบเชิญผู้ที่มีคุณสมบัติและเป็นผู้คัดเลือกเลขาธิการ กสทช. เอง นั้น ไม่ถือว่าเป็นมติของที่ประชุม กสทช. เพราะไม่ใช่ระเบียบวาระเพื่อพิจารณา
อีกทั้งเห็นว่า การที่ร่างรายงานการประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2566 ระบุว่า “1.ประเด็นการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง โดยที่สำนักงาน กสทช. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธาน กสทช. และมีเลขาธิการ กสทช. รับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. ขึ้นตรงต่อประธาน กสทช.
ประกอบกับประธาน กสทช. โดยความเห็นชอบของ กสทช. เป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. (พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 56 วรรคหนึ่ง มาตรา 60 วรรคหนึ่ง และมาตรา 63 วรรคหนึ่งฯ) ดังนั้น ประธาน กสทช. จะพิจารณาออกประกาศของประธาน กสทช. โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 61 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 ต่อไป” นั้น
ร่างรายงานการประชุมดังกล่าว ไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ.2553 มาตรา 63 เนื่องจากมาตรา 63 (7) บัญญัติให้เลขาธิการ กสทช. พ้นจากตำแหน่งเมื่อ กสทช. มีมติด้วยเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการทั้งหมด ให้ออกจากตำแหน่ง เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หย่อนความสามารถ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ดังนั้น อำนาจของประธาน กสทช. ในการแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. ตามมาตรา 61 จึงเป็นเพียงกระบวนการทางธุรการเท่านั้น ไม่ใช่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดของประธาน กสทช. ที่จะเป็นผู้เสนอชื่อ แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. แต่เป็นอำนาจของ กสทช. ทั้งคณะในการแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. โดยมีประธาน กสทช. เป็นผู้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งหรือถอดถอนเท่านั้น
“จากกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม กสทช. พ.ศ.2555 และพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 กสทช. ศ.พิรงรองฯ กสทช. รศ.ศุภัชฯ และ กสทช. พลอากาศโท ธนพันธุ์ฯ จึงไม่อาจมีมติรับทราบเรื่องตามที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบได้
ทั้งนี้ การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบอาจถูกฟ้องร้องเพิกถอนมติและประกาศที่เกี่ยวข้อง และหากเกิดความเสียหายไม่ว่าในทางใดๆ ย่อมมีมูลความผิดทางอาญาฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมกสทช. พ.ศ.2555 ต่อไป” หนังสือที่ลงนาม โดย ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต ,พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และ รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย ในฐานะกรรมการ กสทช. เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2566 ระบุ
อ่านประกอบ :
มติบอร์ด 4:3! ‘นพ.สรณ’โหวตซ้ำคุมเบ็ดเสร็จเลือก‘เลขาฯกสทช.’-‘พิรงรอง’ชี้ส่อขัดรธน.
พิรงรอง รามสูต : ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในสรรหา เลขาธิการ กสทช.
197 ต่อ 9 เสียง! ‘วุฒิสภา’โหวต‘รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์’นั่งเก้าอี้‘กรรมการ กสทช.’คนที่ 7
‘บอร์ดสรรหาฯ’เลือก ‘รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์’ เป็น‘ว่าที่ กสทช.’-ชง ‘วุฒิสภา’ โหวตอีกรอบ
โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 'พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร' เป็นกรรมการ 'กสทช.'
ขาดอีก 1 เก้าอี้! ‘วุฒิสภา’โหวตเลือก‘พล.ต.อ.ณัฐธร’ นั่งกรรมการ‘กสทช.’-ตีตก‘ศ.อภิรัฐ’
บอร์ดสรรหาฯ เคาะ ‘ศ.อภิรัฐ-พล.ต.อ.ณัฐธร’ เป็นว่าที่ ‘กสทช.’ ส่งชื่อให้ ‘วุฒิสภา’ โหวต