"...หากกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.สามารถทำได้ในลักษณะตามที่ประธาน กสทช.ได้นำเสนอมา คือ ประธานเป็นผู้ทาบทามและดำเนินการคัดเลือกเป็นหลัก ก็จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ที่ไม่สะท้อนแนวปฏิบัติที่ดีของการทำงานแบบองค์คณะ ที่ควรจะมีการมีส่วนร่วมของกรรมการทุกคนอย่างเท่าเทียม..."
...............................
หมายเหตุ : ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Pirongrong Ramasoota’ กรณีการพิจารณาแนวทางคัดเลือก ‘เลขาธิการ กสทช.’ ของบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2566
วันนี้ (7 มี.ค.) กสทช. มีมติโดยเสียงชี้ขาดของประธาน กสทช. หลังเสียงโหวตของกรรมการ (รวมประธานด้วย)ออกมา 3-3 เท่ากัน ในประเด็นการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.
โดยฝั่งหนึ่งเห็นว่าจำเป็นต้องพิจารณา ‘คุณสมบัติ’ ของผู้ที่จะเข้ามาเป็นเลขาธิการกับ ‘กระบวนการคัดเลือก’ ไปพร้อมๆกัน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งมองประเด็นกระบวนการคัดเลือกแยกขาดจากคุณสมบัติ
โดยฝ่ายหลังมองว่า ประธานมีอำนาจตามกฎหมายในการกำหนดกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ ทั้งนี้ โดยอ้างถึงมาตรา 61 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ที่ว่า “ให้ประธานกรรมการ โดยความเห็นชอบของ กสทช. เป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช.”
ในการลงมติวันนี้ สำนักงาน กสทช. โดยอำนาจการบรรจุวาระของประธานได้เสนอ ‘กระบวนการคัดเลือก’ เลขาธิการ กสทช. เป็น ‘วาระเพื่อทราบ’ และเสนอ ‘เรื่องคุณสมบัติ’ เป็นวาระ ‘เพื่อพิจารณา’ แยกจากกัน
กรรมการ 3 เสียงที่โหวตให้ 'ถอน' วาระการพิจารณา ‘แบบแยกส่วน’ อย่างนี้ออกไป ตั้งคำถามอย่างชัดเจนต่อการกระทำที่ขัดต่อมติ กสทช. ที่เคยบอกให้รวมทั้งสองเรื่องอยู่ใน ‘วาระเดียวกัน’
และต่อข้อเสนอของประธาน กสทช. ที่เสนอให้กระบวนการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน รวม 5 สัปดาห์ ได้แก่
1.กสทช.เห็นชอบกำหนดคุณสมบัติอื่น ตามมาตรา 61 วรรค 2 ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นฯ พ.ศ.2553
2.ประธาน กสทช. ส่งหนังสือเชิญทาบทามผู้ที่มีคุณสมบัติ ใช้เวลา 7 วัน
3.ผู้ประสงค์ส่งหนังสือตอบรับพร้อมเอกสารแนบคุณสมบัติ คุณสมบัติอื่น ประวัติ ประสบการณ์ และความเหมาะสม ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 14 วัน
4.ประธาน กสทช. คัดเลือกบุคคลที่ผ่านคุณสมบัติและมีความเชี่ยวชาญผ่านการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ เสนอให้ กสทช. เห็นชอบตามมาตรา 61 วรรค 1 พ.ร.บ.องค์กรฯ 53 ใช้เวลา 14 วัน
5.กรรมการกสทช. พิจารณาเห็นชอบรายชื่อตามที่ประธานคัดเลือกมา (สรุปข้อมูลตามเอกสารที่มีการนำเสนอในที่ประชุมโดยประธานกสทช. ในวันนี้ )
แม้กฎหมายหลักของ กสทช. คือ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ จะมีการปรับปรุงแก้ไขถึงสองครั้ง
แต่สาระที่เกี่ยวกับการคัดเลือกเลขาธิการไม่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขแต่อย่างใด ตั้งแต่มีการตั้ง กสทช. มาใน พ.ศ. 2554 มีเลขาธิการหนึ่งคน โดยผ่านการสรรหาที่มีการออกประกาศซึ่งกำหนดคุณสมบัติและกระบวนการสรรหาที่กรรมการ กสทช.ทุกคนมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการอย่างชัดเจน
เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญ และปรับปรุงกฎหมายในปี พ.ศ. 2559 บอร์ดกสทช.ในขณะนั้น ก็มีมติให้เลขาธิการคนเดิมทำงานต่อไป เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสำนักงาน กสทช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสำนักงาน กสทช. ยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบสนองการทำงานของภาครัฐและประชาชนได้อย่างเต็มความสามารถ
ในกรณีหลังนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ และเป็นมติบอร์ด กสทช. ไม่ใช่การใช้อำนาจของประธานแต่เพียงลำพัง
ทั้งนี้ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานกสทช. เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมาก เพราะ
-เป็นผู้รับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับผิดชอบในการรับและจ่ายเงินรายได้ของสำนักงาน กสทช. ซึ่งมีวงเงินมหาศาล จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตรวจสอบและติดตามการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติ ฯลฯ
-เป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ กสทช. เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
-นอกจากนี้ ตามกฎหมายเลขาธิการ กสทช. ยังจะมีตำแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือกองทุน กทปส. ซึ่งต้องรับผิดชอบงบประมาณเงินกองทุน และตามแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมอีกปีละนับหมื่นล้านบาท
และแม้ประธาน กสทช. จะมีอำนาจในการกำกับดูแล สำนักงาน กสทช. แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เลขาธิการ กสทช. คือ เลขานุการของประธาน แต่จะต้องทำงานเพื่อสนองนโยบายกรรมการ กสทช. ทุกคนอย่างเท่าเทียม
ในฐานะกรรมการเสียงหนึ่งที่โหวตให้ถอนวาระการพิจารณาแบบแยกส่วน และไม่เห็นด้วยกับกระบวนการคัดเลือกที่ประธาน กสทช. นำเสนอและกล่าวอ้างว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของท่านโดยชอบธรรม
ดิฉันขอตั้งคำถามและแสดงความกังวลต่อกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. ที่จำกัดการมีส่วนร่วมของกรรมการ กสทช. ไว้ในประเด็นต่อไปนี้
1.การลดทอนความโปร่งใส ตรวจสอบได้ขององค์กรอิสระ ที่ดูแลกิจการอันเป็นพื้นฐานสำคัญของชาติ การที่ประธานจะเป็นผู้ส่งหนังสือเชิญทาบทามผู้ที่มีคุณสมบัติให้มาเป็นเลขาธิการ กสทช. นั้น
อาจขัดกับหลักการธรรมาภิบาลที่ดีขององค์กรเนื่องจากไม่ได้สะท้อนความโปร่งใสของกระบวนการคัดเลือกที่ควรจะเปิดกว้างและตรวจสอบได้ ด้วยความสำคัญที่สูงมากของตำแหน่งเลขาธิการ กสทช.ดังได้กล่าวไปแล้ว กระบวนการคัดเลือกยิ่งควรจะสะท้อนความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมการคัดเลือก
อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการแทรกแซงทางการเมืองและภาคธุรกิจ เพื่อจะเป็นหลักประกันเบื้องต้นว่าเลขาธิการ กสทช. จะปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมอันเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของชาติอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
นอกจากนี้ ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ด้วยว่า การคัดเลือกผู้บริหารสูงสุดในองค์กรอิสระ หรือองค์กรของรัฐ มักประกาศเปิดรับสมัครเป็นการทั่วไปล่วงหน้า มีระยะเวลาให้ยื่นใบสมัครพอสมควร (15-30 วัน) และมีกระบวนการคัดเลือกที่ชัดเจนโดยออกเป็นกฎหมาย
เช่น เลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ตามข้อ 6 ของประกาศ กขค. เรื่อง รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กขค. (ปี 2565), ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ตามมาตรา 42 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2561
และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตามข้อ 6.2 ของประกาศ เรื่อง การรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกเป็นบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ปี 2566)
โดยในข้อ 7.1 ได้กำหนดว่า “คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดวิธีการเปิดรับรายชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการ 2 วิธีการ ได้แก่ (1) การเปิดรับสมัครเป็นการทั่วไปตามประกาศนี้ และ (2) การเสนอชื่อโดยกรรมการ ก.ล.ต. โดยแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อไม่เกินคนละ 1 รายชื่อ”
2.การขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การที่ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 61 บัญญัติให้ ประธานกรรมการโดยความเห็นชอบของ กสทช. เป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. ไม่ได้หมายความว่าไม่จำเป็นต้องมีกระบวนการสรรหาที่เปิดกว้างให้ผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้าสมัครรับการสรรหา อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่าการที่ประธาน กสทช. เป็นผู้ส่งหนังสือเชิญซึ่งเป็นวิธีการคัดเลือกที่ไม่มีการแข่งขัน
อาจเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมอันขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 27 ที่ระบุว่า “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่อง … สถานะของบุคคล … การศึกษาอบรม… หรือเหตุอื่นใด จะกระทํามิได้” ซึ่งศาลได้เคยมีคำพิพากษาเพิกถอนการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปแล้วในหลายกรณี
ส่งผลให้ตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. อาจมีความสุ่มเสี่ยงกับการถูกฟ้องเพิกถอนการแต่งตั้ง และจะกระทบถึงการปฏิบัติหน้าที่ในอนาคต อีกทั้งการให้ กสทช. ทั้งคณะร่วมพิจารณาคุณสมบัติของเลขาธิการ กสทช. และกระบวนการคัดเลือกไปพร้อมๆกัน ยังสอดคล้องกับ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 58 และสอดคล้องกับแนวทางการสรรหาเลขาธิการ กสทช. ที่ผ่านมาด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น หากกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.สามารถทำได้ในลักษณะตามที่ประธาน กสทช.ได้นำเสนอมา คือ ประธานเป็นผู้ทาบทามและดำเนินการคัดเลือกเป็นหลัก ก็จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ที่ไม่สะท้อนแนวปฏิบัติที่ดีของการทำงานแบบองค์คณะ ที่ควรจะมีการมีส่วนร่วมของกรรมการทุกคนอย่างเท่าเทียม
3.รายชื่อ กสทช.ท่านที่ 7 ซึ่งเป็นท่านสุดท้าย ได้ผ่านกระบวนการสรรหาและได้ผ่านการเห็นชอบของวุฒิสภาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างรอการโปรดเกล้าฯจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อนจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่มีเหตุผลที่ประธานกสทช.ควรจะเร่งทำกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการฯ โดยไม่รอกรรมการท่านใหม่นี้
เพราะที่ผ่านมา ประธานก็ได้ปล่อยให้ว่างเว้นตำแหน่งนี้มายาวนาน โดยมีรักษาการเลขาธิการทำหน้าที่แทน แม้จะมีการทำหนังสือทักท้วงจากกรรมการอย่างน้อยสามคนตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 ก็ไม่ได้ริเริ่มกระบวนการในขณะนั้นแต่อย่างใด
จึงขออนุญาตสรุปมาเพื่อเป็นข้อมูลกับสาธารณะค่ะ
อ่านประกอบ :
197 ต่อ 9 เสียง! ‘วุฒิสภา’โหวต‘รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์’นั่งเก้าอี้‘กรรมการ กสทช.’คนที่ 7
‘บอร์ดสรรหาฯ’เลือก ‘รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์’ เป็น‘ว่าที่ กสทช.’-ชง ‘วุฒิสภา’ โหวตอีกรอบ
โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 'พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร' เป็นกรรมการ 'กสทช.'
ขาดอีก 1 เก้าอี้! ‘วุฒิสภา’โหวตเลือก‘พล.ต.อ.ณัฐธร’ นั่งกรรมการ‘กสทช.’-ตีตก‘ศ.อภิรัฐ’
บอร์ดสรรหาฯ เคาะ ‘ศ.อภิรัฐ-พล.ต.อ.ณัฐธร’ เป็นว่าที่ ‘กสทช.’ ส่งชื่อให้ ‘วุฒิสภา’ โหวต
โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 5 กสทช.'สรณ บุญใบชัยพฤกษ์'ประธาน
2 ว่าที่กสทช. แก้โจทย์ OTT-ขยับวิทยุดิจิทัล ‘อธิบดีศาลฯ’ชี้‘ซิงเกิ้ลเกตเวย์’เกิดยาก
ปิดรับสมัคร‘กสทช.’แล้ว ยื่นรวม 28 ราย-เตรียมส่งรายชื่อตรวจ‘คุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้าม’