ป.ป.ช.ขอฎีกาสู้! ศ.อุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอลงอาญาโทษคุก อดีตนายก อบต.ห้วยเตย-พวก

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 10 มีนาคม 2566 เวลา 09:06 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

3906 views

picppckedsss9633310 3 66

เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'ปรีชา ภูศรี' อดีตนายก อบต.ห้วยเตย อำเภอกุดรัง มหาสารคาม กรณีเบิกจ่ายเงินโครงการส่งเสริมพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่สมาชิก บุคลากร พนักงานปี 2552 เป็นเท็จ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้รอลงอาญาโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ไว้ 2 ปี พวก 3 ราย ได้ด้วย - ป.ป.ช.เห็นควรฎีกาสู้

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายปรีชา ภูศรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยเตย อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม กับพวก คือ นายมนตรี หวานขม นางจุฑารัตน์หรือปริยากรหรือชวัลลักษณ์สิงขรเขตหรืออาสาทำ น.ส.เสาวภา ประทุมทอง นางสุดใจ ศรีตะ และนายฤทธิรงค์ ทับทิมไสย กรณีเบิกจ่ายเงินโครงการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่สมาชิก บุคลากร พนักงานส่วนตำบล อบต.ห้วยเตย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เป็นเท็จ

ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 151, 157 และมาตรา 162 (1) ,(4) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้คำพิพากษา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4

จากที่ตัดสินว่า นายปรีชา ภูศรี จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 151

นายมนตรี หวานขม จำเลยที่ 2 นางจุฑารัตน์หรือปริยากรหรือชวัลลักษณ์สิงขรเขตหรืออาสาทำ จำเลยที่ 3 น.ส.เสาวภา ประทุมทอง จำเลยที่ 4 นางสุดใจ ศรีตะ จำเลยที่ 5 และนายฤทธิรงค์ ทับทิมไสย จำเลยที่ 6 มีความผิดตามมาตรา 157

จำคุก จำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี จำคุกจำเลยที่ 2-6 คนละ 1 ปี

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง

คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน

จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 มีกำหนดคนละ 6 เดือน

โดยไม่รอการลงโทษจำเลยทั้งหก

เป็น พิพากษาแก้ให้ ปรับจำเลยทั้งหกเป็น เงินคนละ 10,000 บาท อีกสถานหนึ่ง

นายปรีชา ภูศรี จำเลยที่ 1 นายมนตรี หวานขม จำเลยที่ 2 นางจุฑารัตน์หรือปริยากรหรือชวัลลักษณ์สิงขรเขตหรืออาสาทำ จำเลยที่ 3 และ นางสุดใจ ศรีตะ จำเลยที่ 5 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับคนละ 5,000 บาท

โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

กรณีให้ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามมาตรา 29,30 นอกจากที่แก้ให้เป็น ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติไม่เห็นชอบในกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษา เห็นควรให้ฎีกาคำพิพากษา

สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

picppckedsss10 3 66

ข่าวในหมวดเดียวกัน

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage