ศาลฯเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดียักยอกทรัพย์ ‘ปิคนิค’ เป็นวันที่ 23 ก.พ.66 หลัง ‘จำเลยที่ 4’ อ้างติดภารกิจ ‘ว่าความ’ -ต้องเข้ารับการผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 6 สัปดาห์
.....................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดี อ 1396/2557 แดง อ 1594/2562 ซึ่งพนักงานอัยการ เป็นโจทย์ ยื่นฟ้องนายสุเทพ อัคควุฒิไกร ,นายภาณุวรรณ เลิศวิเศษ ,บริษัท สีลม แอดไวซอรี่ เซอร์วิส จำกัด,นายสนธยา น้อยเจริญ ,นายธรรมนูญ ทองลือ ,หม่อมหลวงชัยภัทร ชยางกุร ,บริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด และนางวันดี โตเจริญ เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเวลานัด ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 แถลงว่า เนื่องจากจำเลยที่ 3 (บริษัท สีลม แอดไวซอรี่ เซอร์วิส จำกัด) เป็นนิติบุคคลในปัจจุบันมีนายสนทยา น้อยเจริญ คือ จำเลยที่ 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ แต่เนื่องจากจำเลยที่ 4 ประกอบอาชีพทนายความ และศาลแพ่งได้มีกำหนดนัดสืบพยานในวันที่ 24 ถึง 26 ม.ค.2566 เวลา 9.00-16.30 น. ซึ่งจำเลยที่ 4 เคยถอนตัวจากคดีดังกล่าวแล้ว และเนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นนัดต่อเนื่องมีทุนทรัพย์และสลับชับซ้อนอย่างมาก จึงทำให้จำเลยที่ 4 ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศาลแพ่ง และไม่อาจมาศาลได้ในวันนี้ (25 ม.ค.)
ประกอบกับจำเลยที่ 4 ต้องเข้ารับการผ่าตัดในวันที่ 1 ก.พ.2566 และพักรักษาตัวต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ จึงขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปอีกสักนัดหนึ่ง ทั้งนี้ ศาลฯได้สอบจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 แถลงไม่ค้านการเลื่อนคดีแต่อย่างใด
จากนั้นศาลฯได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเนื่องจากในวันนี้จำเลยที่ 4 ในฐานะส่วนตัว และในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 3 ไม่อาจมาศาลได้ เนื่องจากติดว่าความ ประกอบกับต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาและมีระยะเวลาต้องพักฟื้น กรณีมีเหตุอันสมควร จึงให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 23 ก.พ.2566 เวลา 9.00 น.
สำหรับคดีนี้ เมื่อปี 2557 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 8 กับนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน และพวกอีกหลายคน เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1396/2557 โดยฟ้องว่าจำเลยฯ ได้ร่วมกันสนับสนุน ช่วยเหลือ และกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยร่วมกันยักยอกหุ้นบริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด ของบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI มูลค่า 711 ล้านบาท และร่วมกันยักยอกเงินของ PICNI จำนวน 50 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2562 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.1396/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.1594/2562 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2562 ยกฟ้องจำเลยทั้ง 8 ส่วนนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน และพวกอีกหลายคนได้หนีคดี
อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์ฯ และต่อมาศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 954-956/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 12833-12835/2563 ลงวันที่ 21 ส.ค.2563 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 (นายสุเทพ อัคควุฒิไกร) และที่ 2 (นายภาณุวรรณ เลิศวิเศษ) จำคุก 12 ปี และปรับคนละ 1,522,000,000 บาท ,จำเลยที่ 3 (บริษัท สีลม แอดไวซอรี่ เซอร์วิส จำกัด) ปรับ 1,422,000,000 บาท
จำเลยที่ 4 และที่ 7 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 313 ประกอบมาตรา 308 เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น ให้จำคุกจำเลยที่ 4 (นายสนธยา น้อยเจริญ) กระทงแรก 6 ปี และปรับ 1,422,000,000 บาท จำคุกกระทงที่สอง 6 ปี และปรับ 100,000,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 12 ปี และปรับ 1,522,000,000 บาท และลงโทษปรับจำเลยที่ 7 (บริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด) สองกระทงปรับ 1,522,000,000 บาท
หากจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับได้เกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี หากจำเลยที่ 3 และที่ 7 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อ่านประกอบ :
คุกคนละ 12 ปี ปรับรวม 7.5 พันล.! พลิกคดียักยอกทรัพย์'ปิคนิค'ชั้นอุทธรณ์ ก่อนศาลฎีกาชี้ขาด
‘ศาลฎีกา’ชี้ขาดคดียักยอกทรัพย์ PICNI 25 ม.ค.นี้ หลังชั้นอุทธรณ์สั่งจำคุก 3 จำเลย 12 ปี
ศาลสั่งอดีตบิ๊กปิคนิค พี่ชาย“สุริยา” รมช.พาณิชย์ยุคแม้วล้มละลาย