แก้ไม่ตกสำนวน ‘ค้างท่อ’รอเข้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.กระฉูดอีก เกือบ 700 คดี! พนักงานไต่สวนโวยอดพิจารณาความดีความชอบ เปิด ‘ทางด่วน’เสนอประธานให้เร่งรัดนำเข้าชี้ขาด แต่อาจขัดกฎหมายไม่พิจารณาตามลำดับ ผิดข้อยกเว้นที่ต้องกระทบประโยชน์ของรัฐอย่างร้ายแรง
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความคืบหน้าในการสะสางคดีทุจริตและคดีร่ำรวยผิดปกติที่สำนักไต่สวนและสำนักงาน ป.ป.ช. ภาคต่าง ๆ ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา แต่รอจัดเข้าระเบียบวาระเพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้มูล)หรือที่เรียกว่า "คดีค้างท่อ" ว่า หลังจากที่สำนักข่าวอิศราเคยนำเสนอเรื่องนี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พยายามเร่งรัดการพิจารณาวินิจฉัยคดีค้างท่อกว่า 550 เรื่อง(ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565) ออกไปได้จำนวนหนึ่งโดยเฉพาะคดีที่ตั้งไต่สวนก่อนที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 บังคับใช้และตั้งไต่สวนตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2561 (ครบกำหนด 3 ปี) จำนวน 180 คดี (อ่านเรื่องประกอบท้ายข่าว)
แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้คดี "ค้างท่อ" ล่าสุดเพิ่มสูงขึ้นมาเกือบ 700 คดี หลายคดีสำนักงาน ป.ป.ช.ภาคไต่สวนเสร็จเรียบร้อยและส่งให้ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้วนานกว่า 1 ปี หลายคดีนานกว่า 6 เดือน แม้จะมีการส่งหนังสือเร่งรัดและแจ้งเตือนว่า บางข้อหาอาจหมดอายุความแต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนสร้างความอึดอัดให้แก่เจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีใครกล้าพูด
“นอกจากนั้น ยังส่งผลกระทบต่อการประเมินความดีความชอบ การประเมินผลงานและการเลื่อนตำแหน่งของพนักงานไต่สวนด้วยเพราะมีการกำหนดผลงานการทำคดีเป็นดัชนีชี้วัด เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่วินิจฉัยหรือชี้มูล เท่ากับไม่มีผลงาน ทำให้พนักงานไต่สวนบางคนไม่ได้รับการพิจารณาประเมินผลงาน จนมีกระแสข่าวว่า มีบางคนไปยื่นฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช.ต่อศาล” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการพิจารณาวินิจฉัยคดีได้ จนสร้างความไม่พอใจให้กับพนักงานไต่สวน ได้ใช้วิธีการให้พนักงานไต่สวนที่ต้องประเมินผลงานในการเลื่อนตำแหน่งสามารถเสนอต่อประธาน ป.ป.ช.ให้เร่งรัดให้นำเรื่องที่รอเข้าวาระการพิจารณาเข้าที่ประชุมโดยเร่งด่วนได้
“เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเวียนหน่วยงานภายในให้ทราบว่า ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา มีมติกรณีเจ้าหน้าที่มีเรื่องที่อยู่ระหว่างรอเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยที่เรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นในการเสนอเป็นผลงานประกอบการประเมินเพื่อเลื่อนระดับ ให้เจ้าของเรื่องชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนต่อประธานกรรมการ ป. ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาเร่งรัดเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. และให้สำนักบริหารทรัพยากรบุคคลตรวจสอบและรับรองข้อมูลก่อนเสนอต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา ดังนั้น หากข้าราชการผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเข้ารับการคัดเลือกและหรือการประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆประสงค์จะขอนำเรื่องที่จะใช้เป็นผลงานในการดำเนินการดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาเป็นกรณีเรงด่วน ให้ยื่นคำร้องส่งให้สำนักบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อมูลก่อนนำกราบเรียน ประธานกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาเป็นรายกรณี หากข้าราชการรายใดไม่ถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดดังกล่าวหรือตรวจสอบแล้วพบว่าแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ จะไม่รับพิจารณาในทุกกรณีและอาจจะถูกดำเนินการทางวินัยต่อไป”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า แทนที่ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะรื้อระบบการวินิจฉัยชี้ขาดให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพและโปร่งใส กลับใช้วิธีการเปิด "ทางด่วน" ให้กับเจ้าหน้าที่บางรายที่จะได้รับการประเมินความดีความชอบซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาหรือรัฐซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการทุจริตและอาจขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันปละปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 75 ที่กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ปช.พิจารณาชี้มูลตามลำดับที่ได้รับสำนวน เว้นแต่เรื่องใดเห็นว่า จะกระทบถึงประโยชน์ของรัฐหรือประชาชนอย่างร้ายแรง จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาก่อนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันปละปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 75 บัญญัติว่า “เมื่อดำเนินการไต่สวนเสร็จแล้ว ให้จัดทำสำนวนการไต่สวนเสนอประธานกรรมการ ...
“ให้มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสำนวนการไต่สวนเพื่อมีมติโดยเร็วซึ่งต้องนำเสนอต่อที่ประชุมไม่ช้ากว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ประธานกรรมการได้รับสำนวนการไต่สวน เว้นแต่จะได้มีการนัดหมายให้มีการประชุมทุกวันอยู่แล้วและมีเรื่องอื่นค้างพิจารณาอยู่
“ให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับการจัดทำรายงานการไต่สวนเบื้องต้นด้วยโดยอนุโลม
“ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนการไต่สวนตามลำดับที่ได้รับสำนวนนั้นแต่ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าเรื่องใดกระทบถึงประโยชน์ของรัฐหรือประชาชนอย่างร้ายแรง จะหยิบยกขึ้นพิจารณาก่อนก็ได้”
อ่านเรื่องประกอบ
- กว่า 550 เรื่อง! คดีค้างท่อ ป.ป.ช.เพียบ นานเกือบ1ปีนับ100 จนผู้ถูกกล่าวหาตาย-พ้นตำแหน่ง
- เปิดหมด! ไส้ในคดีค้างท่อ ป.ป.ช.เพียบ 2,345 เรื่อง ถึงเวลาปรับปรุงกระบวนการไต่สวนใหม่