อัยการ ช. ตั้งป้อมสู้ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรงพัวพันคดีเปลี่ยนความเร็วรถ ‘บอส อยู่วิทยา’ ฟ้อง ’พชร ยุติธรรมดำรง’ ประธาน ก.อ. ข้อหาหมิ่นประมาทจากการให้สัมภาษณ์ชี้ถ้าสอบไม่เสร็จภายใน 1 ปี ลงโทษวินัยไม่ได้
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความคืบหน้าการสอบสวนวินัยร้ายแรงอัยการ ช. หรือ นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม กรณีอยู่ในห้องเปลี่ยนความเร็วซึ่งถูกกล่าวหาว่า ให้คำแนะนำในการทำสำนวนคดีนายวรยุทธ หรือ 'บอส’ อยู่วิทยา ที่ขับชนนายตำรวจเสียชีวิต ต้องกำหนดความเร็วรถไม่เกิน 80 กม./ชม.ว่า การสอบสวนวินัยร้ายแรงดังกล่าวไม่คืบหน้ามากนัก เนื่องจากนายชัยณรงค์พยายามร้องคัดค้านว่าคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่มีนายประพัฒน์พงศ์ สุคนธ์ อธิบดีสำนักคดีปกครองเป็นประธานไม่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งปีนับแต่นายชัยณรงค์ยื่นหนังสือลาออกจากข้าราชการอัยการเมื่อปลายปี 2564 ช่วงที่นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ เป็น อสส. เพราะถ้าสอบสวนไม่เสร็จภายในหนึ่งปีจะทำให้ไม่สามารถลงโทษทางวินัยได้
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากนั้น นายชัยณรงค์ ยังต่อสู้คดีด้วยการยื่นฟ้อง นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) และสำนักข่าวแห่งหนึ่งต่อศาลอาญาในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาโดยอ้างว่า นายพชร ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ว่า มีการตั้งกรรมการสอบสวนนายชัยณรงค์เนื่องจากยอมรับว่ามีส่วนในการแก้ไขความเร็วจริง ทั้งที่ นายชัยณรงค์ไม่ใช่พนักงานอัยการที่มีอำนาจในการดำเนินการไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนและในการสอบปากคำในการบันทึกคำให้การของพยาน
“ โจทก์ (นายชัยณรงค์) ไม่มีความรู้ความเข้าใจหลักวิชาการ (เรื่องการคำนวณความเร็วรถ) แต่อย่างไร ทั้งไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนดังกล่าว ทั้งการที่พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ให้การเพิ่มเติมในเรื่องความเร็วดังกล่าวโดยอาศัยแนวคิดทางวิชาการจาก รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้เชี่ยวชาญ ดังกล่าวประกอบร่องรอยที่เกิดเหตุเป็นสำคัญโดยไม่ได้เชื่อฟังตามคำสั่งของโจทก์แต่อย่างใด ซึ่งโจทก์ก็ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงปฏิเสธตลอดมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องให้การแก้ไขความเร็วดังกล่าว” แหล่งข่าวระบุ
อ่านข่าวเรื่องเดียวกัน