'กสทช.' เข้มเรียกสถานีโทรทัศน์ 8 ช่อง ชี้แจงกรณีนำเสนอ 'ข่าว-ภาพสังหารหมู่' ที่ จ.หนองบัวลำภู กระทบกระเทือนจิตใจประชาชน เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย จ่อลงโทษผู้รับใบอนุญาตที่ทำผิดซ้ำซาก
.......................................
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ในวันอังคารที่ 11 ต.ค.นี้ คณะอนุกรรมการกรรมการกำกับเนื้อหาและผังรายการ ที่มี ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. เป็นประธาน จะเรียกตัวแทนผู้รับใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลอย่างน้อย 8 สถานี เข้าชี้แจงกรณีการนำเสนอข่าวการสังหารหมู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน อบต.อุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู ซึ่งมีเนื้อหาที่อาจเข้าข่ายกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและกระทบต่อความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. พบว่า สถานีโทรทัศน์บางแห่ง ได้นำเสนอภาพจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงอย่างละเอียด บางแห่งได้สัมภาษณ์ญาติของผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บหรือนำเสนอภาพข่าว ที่อาจสร้างความกระทบกระเทือนต่อจิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิตจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมจะร้องเรียน กสทช. รายการนี้ (เรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3) ท่านใดมีหลักฐานช่องอื่น โพสต์ในคอมเมนต์ หรือส่งให้ผมทาง Inbox ด้วยครับ จะได้ร้องเรียนไปพร้อมกันเลย” (อ่านประกอบ : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0gc9qsvQbED92ip3juRyB3JDNgkYhS96avLQE9kfTc2S9SADKi8vjZsiSzDybeFXkl&id=100000169455098)
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากการหารือกันเบื้องต้น เห็นว่าการนำเสนอ ข่าวดังกล่าวของสถานีโทรทัศน์ทั้ง 8 แห่งน่าจะเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 37 ของพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
“ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีลักษณะตามวรรคหนึ่ง หากผู้รับใบอนุญาตไม่ดำเนินการ ให้กรรมการซึ่งคณะกรรมการมอบหมายมีอำนาจสั่งด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือให้ระงับการออกอากาศรายการนั้นได้ทันที และให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวโดยพลัน
“ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเกิดจากการละเลยของผู้รับใบอนุญาตจริง ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการแก้ไขตามที่สมควร หรืออาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตก็ได้”
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในจำนวน สถานีโทรทัศน์ที่เรียกมาชี้แจงมีอยู่อย่างน้อย 3 สถานีที่กระทำผิดซ้ำหลายครั้ง จะเสนอให้มีการลงโทษปรับทางปกครองที่ปรับสูงสุดได้ 500,000 บาท ส่วนที่เหลืออาจจะเป็นการตักเตือน อย่างไรก็ตาม การพิจารณาลงโทษดังกล่าวผลจะเป็นอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับคณะอนุกรรมการฯ จะมีมติความเห็นอย่างไรด้วย ถ้าผู้รับใบอนุญาตไม่เห็นด้วยกับการลงโทษดังกล่าว สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้