ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษายกฟ้อง ‘ผู้ว่าฯรฟม.-พวก’ ปมแก้ทีโออาร์รถไฟฟ้าสายสีส้ม ‘บางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)’ ชี้พยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังได้ว่าเอื้อประโยชน์ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดรายหนึ่ง-ไม่มีพฤติการณ์กลั่นแกล้งโจทก์
..........................................
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อท 30/2564 ระหว่าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC โจทก์ และนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กับพวกรวมกัน 7 คน จำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ,ความผิดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ
โดยคดีนี้ โจทก์ฟ้องสรุปได้ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประชุมมีมติอนุมัติดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ต่อมา รฟม. โดยคณะกรรมการคัดเลือกร่วมกันเห็นชอบกับร่างประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือก วิธีการ และหลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอทางการเงินสูงสุดในการตัดสินเอกชนผู้ชนะการประมูล
โจทก์ซื้อซองข้อเสนอเข้าร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว ต่อมาจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าการ รฟม. ร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ซึ่งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบร่วมประชุมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอตามเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ร่วมกันพิจารณาอนุมัติให้แก้ไขหลักเกณฑ์วิธีการประเมินข้อเสนอในเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนใหม่ โดยให้ใช้เกณฑ์การประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคร่วมกับข้อเสนอทางการเงิน หรือการประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance)
ต่อมาเมื่อครบกำหนดเปิดซองข้อเสนอการร่วมลงทุน จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กลับไม่เปิดซองข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอเพื่อดำเนินการคัดเลือกต่อไป รฟม. โดยจำเลยที่ ๑ และคณะกรรมการคัดเลือกได้ประชุมกัน แล้วมีมติยกเลิกประกาศเชิญชวนดังกล่าวโดยมิชอบ การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดจึงเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 165, 83, 90, 91 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันใช้ดุลพินิจพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอใหม่ โดยให้พิจารณาคะแนนด้านเทคนิคและการลงทุนและผลตอบแทนร่วมกัน โดยกำหนดสัดส่วนการให้คะแนนด้านเทคนิคเป็นร้อยละ 30 คะแนน ด้านการลงทุนและผลตอบแทนเป็นร้อยละ 70 คะแนน
หากผู้ยื่นข้อเสนอรายใดผ่านการประเมินสูงสุดและได้รับการประเมินให้เป็นผู้ชนะการคัดเลือก เพื่อประโยชน์ของรัฐตามความต้องการของ รฟม. ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 มาตรา 38 (6) และ (7) ประกาศคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เรื่องรายละเอียดของร่างประกาศเชิญชวนร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน และสาระสำคัญของร่างสัญญาร่วมลงทุน พ.ศ.2563
ประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ข้อ 12 การสงวนสิทธิ์ของ รฟม. ข้อ 12.2 กำหนดว่า สงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติมรายละเอียด รวมถึงลด หรือขยายระยะเวลาของการคัดเลือกตามประกาศเชิญชวนข้อเสนอฉบับนี้ เพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของ รฟม. และมติคณะรัฐมนตรี และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนเล่มที่ 1 ข้อแนะนำผู้ยื่นข้อเสนอ ข้อ 17 ประกอบกับขณะลงมติเห็นชอบนั้น ยังไม่ถึงกำหนดระยะเวลายื่นซองข้อเสนอ จึงไม่ทำให้ผู้ยื่นเอกสารข้อเสนอได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือกได้ขยายระยะเวลาออกจากกำหนดยื่นข้อเสนอเดิมอีก 45 วัน เพื่อให้ผู้ยื่นข้อเสนอได้มีเวลาจัดเตรียมข้อมูลข้อเสนอเพิ่มเติมอีก พยานหลักฐานยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่า การแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดรายหนึ่ง
ส่วนประเด็นที่จำเลยที่ 1 ยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุน นั้น เห็นว่า คณะกรรมการคัดเลือกใช้ดุลพินิจพิจารณายกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุน จากนั้นจำเลยที่ 1 ออกประกาศเรื่องยกเลิกประกาศเชิญชวนฯ และยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ฯ ตามมติคณะกรรมการคัดเลือก โดยไม่มีพฤติการณ์ใดที่แสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ หรือการกระทำที่นอกขอบเขตแห่งกฎหมายหรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติต่อโจทก์
เมื่อจำเลยที่ 1 ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตาม พ.ร.บ.การร่วมการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ประกอบกับการสงวนสิทธิ์ของ รฟม.ตามประกาศเชิญชวนฯ และเอกสารฯ เล่มที่ 1 ข้อแนะนำผู้ยื่นข้อเสนอ (RFP) ที่กำหนดการสงวนสิทธิ์ของ รฟม. ในข้อ 12.1 ว่า รฟม. สงวนสิทธิ์ตามดุลพินิจที่จะยกเลิกประกาศเชิญชวนฯ โดยที่ผู้ยื่นข้อเสนอไม่สามารถเรียกร้องค่าใช้จ่ายหรือค่าเสียหายใดๆ ได้
จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อีกทั้งการกระทำของจำเลยทั้งเจ็ด ไม่ได้เป็นกรณีที่มีหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่งซึ่งได้สั่งเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่ง
ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดจึงไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
อ่านประกอบ :
เปิดคำฟ้องศาลทุจริตฯ! ‘บีทีเอส’กล่าวหา ‘ผู้ว่าฯรฟม.-พวก’ ผิดม.157-165 แก้TORสายสีส้ม
ชำแหละสายสีส้ม! ‘จิรายุ’ ร่าย 16 วันทันใจนาย-‘ศักดิ์สยาม’ถาม‘เอื้อประโยชน์ใคร’