โฆษกกองทัพบกแจงไทม์ไลน์งบจ้าง สวทช.ตรวจ GT200 ย้ำตั้งไว้ตั้งแต่งบปี 65 แต่คดีถึงที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องผ่าแล้ว เตรียมคืนงบ 2-3 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2565 พล.อ.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก และ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่มีการอภิปรายในการตั้งงบประมาณเพื่อการตรวจสอบเครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธ และวัตถุระเบิด (GT200) ของกองทัพบก ว่า เรื่องดังกล่าวโฆษกกระทรวงกลาโหม และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รวมถึงรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงสร้างความเข้าใจในข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณะในเบื้องต้นแล้ว กองทัพบกขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมในภาพรวมของการดำเนินการทางกฎหมายต่อ GT200 ดังนี้
หลังจากที่ กองทัพบกได้พบข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ GT200 ที่ไม่เป็นไปตามคุณสมบัติและก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ กองทัพบกได้ยุติการใช้งานและได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของทางราชการในทุกด้าน สิ่งสำคัญที่สุดคือได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทเอกชนคู่สัญญา โดยตั้งแต่ปี 2559 ได้ดำเนินการฟ้องดำเนินคดีต่อบริษัทเอกชนคู่สัญญาใน 2 ศาล เพื่อให้ครอบคลุมในมิติด้านกฎหมาย คือ คดีอาญาฐานฉ้อโกง และคดีทางปกครองฐานความผิดเกี่ยวกับสัญญา ซึ่งการดำเนินคดีของแต่ศาลมีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่องตามกระบวนการ ตั้งแต่ ปี 2560-2565
โดยคดีอาญา ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 ศาลขั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา มีคำพิพากษาเป็นที่สุดแล้ว เมื่อ 7 ก.พ.2565 ให้จำเลยร่วมกันคืนเงินให้กองทัพบก เป็นจำนวน 682,600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คดีอาญาเป็นอันสิ้นสุดลงและขณะนี้อยู่ในระหว่างการบังคับคดีให้ชดใช้เงินคืนกับกองทัพบก
ในระหว่างการดำเนินคดีอาญา กองทัพบกได้ยื่นฟ้องในคดีทางปกครองควบคู่กันไปด้วยโดยในคดีทางปกครองซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 กองทัพบกได้ดำเนินการตามคำแนะนำของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ให้ตรวจ GT200 ทุกเครื่อง เพื่อยืนยันว่าไม่มีประสิทธิภาพ และใช้เป็นสาระสำคัญประกอบการพิจารณาคดีทางปกครอง ในการนี้เพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ในทางคดี กองทัพบกจึงได้ตั้งงบประมาณในปี 2564 เพื่อตรวจสอบเครื่อง GT200 จำนวน 757 เครื่อง โดยส่งตรวจที่ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (ศทอ.สวทช.) โดยเป็นการตั้งงบประมาณล่วงหน้าในขณะนั้น ก่อนที่คดีทางปกครองจะเป็นอันถึงที่สุดในปีต่อมา คือ มี.ค.2565
การที่กองทัพบกมอบให้ สวทช.เป็นผู้ดำเนินการตรวจทดสอบ GT200 เนื่องจาก สวทช.เป็นหน่วยงานกลาง มีมาตรฐานตามหลักการ อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญในงานด้านนี้โดยตรง ผลการตรวจรับรองจะสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ อันจะเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินคดีของทางราชการที่ กองทัพบกดำเนินการอยู่ในขณะนั้น
จากการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมกองทัพบกต้องตั้งงบประมาณปี 2566 เพื่อใช้ในการตรวจสอบ GT200 ทั้งที่ศาลมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวแล้วนั้น ขอเรียนว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลปีงบประมาณ 2564 มาเชื่อมโยงกับคำพิพากษาของคดีที่เกิดขึ้นในปี 2565 เป็นการเปรียบเทียบผิดห้วงเวลา ทั้งนี้กองทัพบกไม่ได้ตั้งงบประมาณในปี 2566 ในเรื่องดังกล่าว สำหรับการตั้งงบประมาณเพื่อการตรวจสอบ GT200 นั้น หากคดีถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ โดยตามระเบียบราชการหากงบประมาณไม่ถูกใช้ก็จะถูกส่งคืนตามกระบวนการงบประมาณต่อไป
ต่อข้อสงสัยที่ว่า ทำไมไม่นำคำพิพากษาในคดีอาญามาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีทางปกครอง เพื่อจะได้ไม่ต้องส่ง GT200 ไปตรวจสอบนั้น ขอเรียนว่า ในขณะที่ตั้งงบประมาณ เพื่อขอตรวจ GT200 ในปี 2564 นั้น คดีอาญายังไม่ถึงที่สุด ไม่อาจรู้ผลทางคดีได้ แต่การตรวจ GT200 เป็นสิ่งสำคัญต่อคดีทางปกครองในขณะนั้น
กองทัพบกขอเรียนว่า การตั้งงบประมาณในการตรวจสอบ GT200 จำนวน 7.57 ล้านบาท เป็นการตั้งงบประมาณก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา และเป็นไปตามกระบวนการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบคดี ภายใต้ข้อแนะนำจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและวิทยาศาสตร์ และเมื่อคดีเป็นที่ยุติแล้ว ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อมุ่งให้ทางราชการได้รับค่าเสียหายชดเชย เพื่อรักษาประโยชน์ของกองทัพและประเทศ ทั้งนี้นอกจากการดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทคู่สัญญาแล้ว สำหรับเจ้าหน้าที่ของทางราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหา GT200 ก็ได้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยและทางกฎหมายเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า พล.อ.สันติพงศ์ ยังกล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ไม่ต้องผ่าเครื่อง GT200 แล้ว
“ยืนยันว่างบประมาณปี 2566 ไม่ได้ตั้ง ในส่วนงบประมาณปี 2565 ก็ไม่ต้องใช้ เราก็ต้องคืนประมาณ 2-3 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเรามีการผ่าพิสูจน์ไปแล้ว 320 เครื่อง” พล.อ.สันติพงศ์ กล่าว
เมื่อถามว่าได้มีการทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อเป็นลายลักษณ์อักษรว่าไม่ต้องผ่าเครื่อง GT200 แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.สันติพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้รอหนังสือตอบรับจากอัยการสูงสุดอยู่
“ยืนยันกองทัพบกจะใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ” พล.อ.สันติพงศ์ กล่าว
ข่าวประกอบ :
- เปิดหลักฐาน! กองทัพบกจ้างสวทช.ตรวจGT200 ทำตั้งแต่ช่วง ก.ย.64 รวมยอด 757เครื่อง7.57 ล.
- ใช้ประกอบการฟ้องเอกชนในศาลปกครอง! เปิดประกาศเชิญชวน-รายละเอียดกองทัพจ้างตรวจสอบ GT200
- ขมวดเงื่อนปม-ข้อสงสัย กองทัพบก จ้าง สวทช.ตรวจ GT200 เครื่องละ1หมื่น คุ้มค่าหรือ....?
- ฟังเหตุผลตั้งงบ 7 ล.ตรวจไม้ล้างป่าช้า - “จีที 200” ถึง “เรือเหี่ยว” สะเทือนกองทัพ
- เปิดคำพิพากษาจีที 200 กองทัพบก ชนะได้ชดใช้ 687ล. ผลตรวจสอบ 757 เครื่องสำคัญจริงหรือ?
- ปริศนาใหม่? ทบ.ออกประกาศเชิญชวนจ้างตรวจจีที 200 ก่อนหรือหลัง ลงนามสัญญาแรก 3.2 ล.
- อสส.แจงตรวจเครื่อง GT200 ไม่ใช่สาระสำคัญ ตั้งแต่คดีเดินมาถึงที่สุด 7 มี.ค.65