ดีเอสไอ ทำข้อตกลงป่าไม้ป้องกันปราบปรามปัญหาทำลายทรัพยากร กำหนดวัน 26-29 เม.ย.นี้ อธิบดีลุยพื้นที่ภาคใต้ตอนบนสืบสวนปัญหาบุกรุกป่าไม้หลายกรณีด้วยตนเอง มีจับมือ ป.ป.ช. สางคดีเปิดหน้าดิน 'เขาหัวโล้น' จุดชมวิวเสม็ดนางชี
นายไตรฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำข้อตกลงร่วมกัน กับกรมป่าไม้ เพื่อทำการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้แล้ว
ขณะที่มีรายงานว่า ในวันที่ 26-29 เมายน 2565 นี้ นายไตรฤทธิ์ อธิบดีดีเอสไอ จะลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนปัญหาการบุกรุกและกระทำความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ที่ดิน ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบนด้วยตัวเอง โดยช่วงเช้าวันที่ 27 เมษายน 2565 นี้ จะลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาการบุกรุกออกเอกสารสิทธิ์ทับพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดพนรัตน์ อำเภอเมือง จ.กระบี่ ช่วงบ่ายจะลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ในพื้นที่การเปิดหน้าดินบนภูเขาสูงชัดที่มีความลาดชันสูง ใกล้จุดชมวิวเสม็ดนางชี อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา
จากนั้นในวันที่ 28 เมษายน 2565 นี้ ช่วงเช้าจะเดินทางไปดูพื้นที่สืบสวนสอบสวนการบุกรุกพื้นที่ ป่าในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ต.สาคู และในช่วงบ่ายจะเดินทางไปดูพื้นที่สืบสวนสอบสวนการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ 178 ไร่ บริเวณบ้านเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในความรับผิดชอบการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
แหล่งข่าวในวงการขนวนการยุติธรรมของการปราบปรามทุจริต เปิดเผยผู้สื่อข่าวสำนักข่าวว่า ปัจจุบันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทำงานเชิงรุกมากขึ้น ระเบียบข้อกฏหมายก็เอื้อในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมากขึ้นเห็นผลต่อคดีเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะคดีป่าไม้ที่ดินหากมีการกระทำความผิดจะสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็วขึ้น เช่นหากมีเจ้าหน้าที่ชี้แนวเขต ระวังแนวเขตทุจริต ออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ป่าไม้ ป่าสงวนแห่ง ป่าอุทยาน หรือที่ดินสาธารณะประโยชน์ เมื่อมีออกเอกสารสิทธิ์ทับหรือเปลี่ยนมือจากผู้ออกไปสู่ทุน การพัฒนาที่ดินก็ไม่ลึกถึงการลงทุนปลูกสร้างแล้ว ซึ่งในอดีตกว่าจะรู้ว่า เอกสารสิทธิ์ที่ดินมิชอบ ก็ปล่อยให้มีการปลูกสร้างพัฒนาที่ดินไปแล้ว
" กรณีการเปิดหน้าที่ดินในพื้นที่ใกล้เสม็ดนางชีจุดชมวิว ชื่อดังของจังหวัดพังงา จะเป็นกรณีศึกษา เพราะแค่ช่วงของการเปิดหน้าดินบนพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงหรือบนภูเขาชาวบ้านก็ร้องเรียนสื่อ ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ แล้ว แต่กรณีของเสม็ดนางชี น่าจะนำไปสู่การตรวจสอบที่ดินใกล้ ๆ ในอำเภอตะกั่วทุ่งด้วย เนื่องจากมีการตัดไม้ทำลายป่าบนภูเขาสูงชันหลายแห่ง"
แหล่งข่าวกล่าวย้ำว่า “กรณีของการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบน ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุกออกเอกสารสิทธิ์ทับป่าเขาดวงนก ที่ อ.สมุย การบุกรุกเพื่อก่อสร้างพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเกาะพงัน อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี การออกเอกสารสิทธิ์ทับป่า ในคดีบุกรุกป่าไม้ในอำเภอกะปง หรือ คดีรุกป่ากะปง การบุกรุกออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ป่า เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา การบุกรุกออกเอกสารสิทธิ์ทับป่าอ่าวนาง-หางนาค จ.กระบี่ การบุกรุกออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ป่าในพื้นที่อุทยานสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบว่า เจ้าหน้าที่ที่ถูกศาลลงโทษ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ดิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และผู้ที่สนับสนุนการทุจริต จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ถูกดำเนินคดีแล้ว แต่ป่าไม้ ยังไม่กลับมาเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องหาทางผลักดันให้พื้นที่ที่ศาลสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐแล้วกลับมาเป็นของรัฐกันต่อไป"
ส่วนแหล่งข่าวชาวบ้านผู้ร้องสื่อมวลชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายหนึ่ง กล่าวว่า พื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง ทุกตำบล มีความลาดชันของภูเขาที่สูงชันและเป็นพื้นที่ที่ครอบคลุมไปด้วยป่า ป่าสงวนแห่งชาติ หลายป่าด้วยกัน ซึ่งอาจจะมีการบุกรุกปลูกไม้ผลยืนต้นมาก่อน เช่น สตอ ยางพารา ทุเรียน ซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซ็น ผู้ที่สามารถบุกรุกทำลายป่าหรือครอบครองป่าบนที่ลาดชันสูงได้ล้วนแต่เป็นนายทุน ผู้มีอิทธิพล
"แต่เมื่อปลายปีที่ผ่าน มีการปล่อยให้นายทุนทำลายป่าเหล่านี้นำไม้ออกจำหน่าย ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นการร่วมทุจริตของเจ้าหน้าที่ป่าไม้และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับปฎิบัติและระดับบริหารในพื้นที่ ซึ่งเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมาก็พบเห็นว่าเจ้าหน้าหลายหน่วยลงพื้นที่ แต่ชาวบ้านก็วิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งเรื่องนี้เป็นต้นทุนทางสังคม ที่ต้องเข้าใจว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ที่เคยปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่และขาดความน่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่จะต้องทบทวน เจ้าหน้าที่บ้างคนที่ถูกย้ายออกจากพื้นที่ก็เอามาอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดนี้อีก และกลับมาก็เลี้ยงฉลองกันใหญ่โตที่บ้านที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเงินมาจากไหน" แหล่งข่าวชาวบ้านผู้ร้องสื่อมวลชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายนี้ ระบุ
อ่านประกอบ :
Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา 