ศาลฎีกาพิพากษา ‘ปารีณา ไกรคุปต์’ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ครอบครองฟาร์มไก่ในที่ดินป่าสงวน จ.ราชบุรี สั่งหลุด ส.ส. - ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2565 ศาลฎีกา สนามหลวง นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ คมจ.1/2564 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม และขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี
วันนี้ น.ส.ปารีณา ไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความเดินทางมา
ศาลพิพากษาว่า น.ส.ปารีณา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ 25 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกา สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี มีผลให้ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิ์รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ผู้บริหารท้องถิ่น และดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 วรรคสี่ และ พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 81 , 87 และมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ข้อ 3 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดว่า น.ส.ปารีณา ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นส.ส.กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรง และกรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 11 ข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสอง
นายทิวา การกระสัง ทนายความของ น.ส.ปารีณา เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาว่า ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า น.ส.ปารีณา ครอบครองที่ดิน สปก. 610 ไร่ โดยได้รับจากคุณพ่อเมื่อปี 2555 และเป็นกิจการฟาร์มไก่ โดย น.ส.ปารีณา ไม่มีสิทธิ์ครอบครองที่ดิน สปก. เพราะไม่ได้เป็นคนยากจน ไม่ได้เป็นเกษตรกร และมีทรัพย์สิน 100 กว่าล้านบาท รวมถึงมีที่ดินแปลงอื่นที่มีเอกสารสิทธิ์อยู่แล้ว การครอบครองที่ดิน สปก.จำนวนมาก ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชน แม้ว่าปี 2562 จะส่งมอบที่ดิน สปก.คืนไปแล้ว ก็ไม่ทำให้สิ่งที่ น.ส.ปารีณา ที่เป็น ส.ส.แล้วครอบครองที่ดิน สปก.นั้นหายไป ถือว่ามีเจตนาครอบครองที่ดิน สปก. ทำให้ประชาชนไม่ได้สามารถได้รับการจัดสรรที่ดินได้ ทั้งนี้การศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และถือเป็นคดีแรกที่มีการวินิจฉัย
นายทิวา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามอยากให้สื่อมวลชนช่วยสื่อสารด้วยว่า กรณีของ น.ส.ปารีณา ไม่ได้เป็นการบุกรุกหรือทำลายป่าสงวน เนื่องจากการครอบครองที่ดิน สปก.ได้รับมาจากคุณพ่อ และกรณีนี้เป็นเรื่องของจริยธรรมศีลธรรม ซึ่งศาลบอกว่า เป็น ส.ส.ไม่มีคุณสมบัติในการครอบครองที่ดิน สปก.
อ่านประกอบ :
- เสื่อมเกียรติศักดิ์ ส.ส.! ป.ป.ช.แถลงทางการ‘ปารีณา’ผิดจริยธรรม- ถูกสอบอีกนับสิบราย
- ‘ปารีณา’รายแรก! มติเอกฉันท์ ป.ป.ช.ชี้มูลผิดจริยธรรม-ลุ้นศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่?
- ส่งศาลฎีกา! ป.ป.ช.ชี้มูล‘ปารีณา’ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงคดีรุกป่า-ที่ดินรัฐ
- ‘บิ๊กตู่-ปารีณา-ช่อ’ 3 รายแรกโดนสอบฝ่าฝืนจริยธรรมฯปี 63-กลไกใหม่กำกับนักการเมือง?
- ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.! ศาลฎีกา รับคำฟ้องคดี 'ปารีณา' ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงรุกป่า
- ศาลฎีกาสั่ง 'ปารีณา ไกรคุปต์' หยุดปฏิบัติหน้าที่ กมธ.นัดพิพากษาคดีจริยธรรม 7 เม.ย.65