288 แห่งเสียหาย 691 ล.! สปสช.สรุปคลินิกอบอุ่น-ทำฟัน-รพ.เอกชนทุจริตงบบัตรทองปี 62

05072564 news 01

สปสช.สรุปผลสอบทุจริตเบิกจ่ายค่าคัดกรองกลุ่มโรคเมตาบอลิก จากงบบัตรทอง ปีงบ 2562 แค่ กทม. พบคลินิกชุมชนอบอุ่น – รพ.เอกชน – คลินิกทำฟัน 288 แห่ง ทุจริต เสียหาย 691 ล้านบาท เข้าแจ้งความ-ยกเลิกหน่วยบริการแล้วทุกแห่ง ขยายผลย้อนหลัง-ดูรายการตรวจโรคอื่น ชงหลักฐานให้ ศอ.ตช.ดูต่อมี กก.-อนุฯ ใน อปสข.กทม.เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

-----------------------------------------------------

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2564 นายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขอันเป็นเท็จ พร้อมด้วย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการฯ สปสช. ร่วมกันแถลงสรุปผลการตรวจสอบการทุจริตจากการเบิกจ่ายงบประมาณจากบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กองทุนบัตรทอง

นายจิรวุสฐ์ กล่าวว่า หลังใช้เวลาดำเนินการมากว่า 1 ปี ตรวจสอบเอกสารเป็นล้านรายการ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณ ในรายการคัดกรองโรคกลุ่มเมตาบอลิก เฉพาะปีงบประมาณ 2562 โดยได้ตรวจสอบสถานพยาบาลที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ กทม. แบ่งเป็น คลินิกชุมชนอบอุ่น 177 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 37 แห่ง รวม 214 แห่ง พบว่ามีการเบิกจ่ายเข้าข่ายทุจริต 211 แห่ง แบ่งเป็นคลินิกชุมชนอบอุ่น 176 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 35 แห่ง นอกจากนี้ยังได้ขยายผลการตรวจสอบไปที่คลินิกทันตกรรม 79 แห่ง พบว่า 77 แห่งมีการเบิกจ่ายเงินเข้าข่ายทุจริตจากรายการทันตกรรมป้องกันโรค รวมมูลค่าความเสียหาย 324 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้เมื่อคิดรวมกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการตรวจสอบกระบวนการทั้งหมด ทำให้เกิดความเสียหายในภาพรวมแก่ สปสช. รวม 691 ล้านบาท

“เบื้องต้นเราไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล 211 แห่ง ที่มีทั้งบุคคล นิติบุคคล และกรรมการในนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม การกระทำความผิดในสถานพยาบาล 211 แห่ง เราพบว่า เป็นนิติบุคคลที่เป็นกลุ่มก้อนอยู่แล้ว แบ่งได้เป็น 28 กลุ่ม” นายจิรวุสฐ์ กล่าว

นายจิรวุสฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อเอาผิดในคดีอาญากับหน่วยบริการทุกแห่งที่กระทำผิด จากนั้น สปสช.จะไปเรียกร้องค่าเสียหาย 691 ล้านบาทจากสถานบริการ หากไม่มีการชำระก็เข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องทางแพ่งต่อไป ขณะเดียวกันเราได้ส่งเรื่องไปให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตรวจสอบสถานพยาบาลเหล่านั้นด้วยว่า มีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ สปสช.ได้ดำเนินการยกเลิกสัญญาและเพิกถอนการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการทั้งหมดอีกด้วย

“ผลการตรวจสอบที่สรุปในครั้งนี้ เป็นผลการเบิกจ่ายที่เข้าข่ายทุจริตเฉพาะปีงบประมาณ 2562 เพียงปีเดียว และเป็นการตรวจสอบเฉพาะรายการคัดกรองกลุ่มโรคเมตาบอลิก ที่ยังมี 20 กว่ารายการยังไม่ได้ตรวจสอบ เราจึงได้เสนอให้ สปสช. ตรวจสอบรายการอื่นๆ รวมถึงตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงวันที่เริ่มบริการส่งเสริมป้องกันโรค เพื่อดูความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดต่อไป” นายจิรวุสฐ์ กล่าว

05072564 news 03

นายจิรวุสฐ์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในกระบวนการดังกล่าว อาจมีพนักงานเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เนื่องจากมีพยานหลักฐานโยงไปถึง เราจึงได้เสนอให้ สปสช.ส่งรายงานการตรวจสอบและพยานหลักฐานทั้งหมดไปยังศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) ว่ามีบุคคลหรือเจ้าพนักงานคนใดไม่ว่าจะเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการ ในคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) กรุงเทพมหานคร เกี่ยวข้องหรือไม่ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสถานพยาบาล เจ้าของคลินิกต่างๆ ด้วย โดย สปสช.ได้เห็นชอบการปรับอำนาจหน้าที่ของ อปสข. ใหม่ ให้สอดคล้องกับภารกิจ โดยยกเลิก อปสข.กทม. รวมทั้งคณะทำงานทั้งหมด และแต่งตั้งผู้ที่มีความเป็นกลางทำหน้าที่แทน ให้ยกเลิกอำนาจการบริหารการเงิน รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับอำนาจการบริหารกองทุนระดับเขตพื้นที่ แต่ยังคงอำนาจในการกำกับติดตามและประเมินผลการบริหารกองทุนในเขตพื้นที่ และทำหน้าที่ให้คำแนะนำต่อบอร์ด สปสช.

“เบื้องต้น มีกรรมการ อปสข. 3 ท่าน และ อนุฯ อปสข. 6 ท่าน เป็นผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ และปรากฏรายละเอียดในรายงานการประชุม รวมคำสั่งแต่งตั้งทั้งหมด ซึ่งเราจะส่งให้ ศอ.ตช ดำเนินการตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตามการตรวจสอบในครั้งนี้ เท่าที่ดูพยานหลักฐาน ยังไม่มีบอร์ด สปสช. เข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนเจ้าหน้าที่ก็พบว่าได้ทำตามมติ อปสข.กทม. ที่มติให้ดำเนินการหรือเบิกจ่ายอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติตามมติเหล่านั้น ดังนั้นยังไม่ปรากฏหลักฐานตรงนี้ว่ามีความเชื่อมโยงหรือสนับสนุนกันหรือไม่” นายจิรวุสฐ์ กล่าว

นายจิรวุสฐ์ กล่าวต่อด้วยว่า นอกจากการตรวจสอบการเบิกจ่ายในพื้นที่ กทม. และขยายผลการตรวจสอบไปที่เขตสุขภาพที่ 4 , 5 และ 6 ที่อยู่ในพื้นที่ปริมณฑลรอบ กทม.อีกด้วย

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคตนั้น สปสช. จะดำเนินการตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ที่ผ่านการเห็นชอบจากบอร์ด สปสช. ดังนี้

1. มาตรการป้องกันหน่วยบริการกระทำความผิดซ้ำ ให้จัดทำทะเบียนศักยภาพของหน่วยบริการและบุคลากร ปรับปรุงระบบการพิสูจน์ตัวตนผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ และใช้ระบบ AI ในการตรวจสอบการจ่ายเงินชดเชย

2.สปสช. จะตรวจสอบศักยภาพคลินิกชุมชนอบอุ่นก่อนขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการประจำ พร้อมกับทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน QOF หรือการจ่ายค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ผลงานและคุณภาพบริการ (Quality and Outcome Framework: QOF) รวมถึงงบบริการทางการแพทย์ที่เบิกจ่ายในลักษณะงบลงทุน พิจารณาประเด็นเรื่องความหลากหลายในการจ่าย

3.มาตรการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย ข้อบังคับระเบียบ ประกาศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ สปสช.จะพิจารณาประเด็นการให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามาเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการตามกฎหมาย ตามข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศของ สปสช.

4.สปสช.จะตรวจสอบเอกสารการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายการตรวจคัดกรองเมตาบอลิกตั้งแต่ปี 2560-2563 ขยายการตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของหน่วยบริการเอกชนในพื้นที่ปริมณฑล และสถานพยาบาลมิตรไมตรีคลินิกทุกแห่ง โดยเลือกสุ่มตรวจตามหลักวิชาการในการ Audit

5.ดำเนินการกับผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 6.ดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง

05072564 news 02