"...โดยพบว่าอาจมีการปลอมแปลงเอกสารเช่นเดียวกับกรณีการเบิกค่าคัดกรองโรคกลุ่มเมตาบอลิกของคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ที่คาดว่าจะต้องมีการขยายผลตรวจสอบคลินิกทันตกรรมในพื้นที่ กทม.ที่อยู่ประมาณ 100 แห่งด้วย..."
ยังปรากฏความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องกับ กรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตรวจสอบกระบวนการเบิกจ่ายเงินจากบัตรทอง ในส่วน ‘งบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค’ ที่ก่อนหน้านี้มีการดำเนินการตรวจสอบคลินิกเอกชนไปแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 กรณีคลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่ง ที่พบพฤติการณ์ตกแต่งตัวเลขเพื่อเบิกเงินจากบัตรทอง สปสช.ได้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกง และ คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พร้อมเรียกคืนเงินกว่า 74 ล้านบาทเศษ และอยู่ระหว่างการพิจารณาฟ้องคดีแพ่ง และดำเนินการทางจรรยาบรรณวิชาชีพ
ครั้งที่ 2 กรณีหน่วยบริการ 63 แห่ง ที่มาจากการขยายผลการตรวจสอบของ สปสช. ซึ่งในชั้นแรกมีตัวเลขการตรวจสอบหน่วยบริการ 86 แห่ง ซึ่งมีทั้งหน่วยบริการที่เป็นโรงพยาบาล และคลินิก กระทั่งพบการเบิกจ่ายโดยใช้ข้อมูลไม่ถูกต้องในหน่วยบริการ 63 แห่ง วงเงิน 2.4 ล้านบาทเศษ ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสาร – เวชระเบียนหลายแสนฉบับ หลังจากส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลแบบ 100% ในทุกคลินิก
และทั้งหมดเป็นการตรวจสอบเฉพาะหน่วยบริการในพื้นที่ สปสช. เขต 13 กรุงเทพมหานครเท่านั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปก่อนหน้านี้ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลบริษัทเอกชน กรณีคลินิก 18 แห่ง สามารถแบ่งเอกชนที่เป็นเจ้าของคลินิกได้ 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มแรกมีชื่อ นายศักดา เมืองคำ , น.ส.ศศิณัชญ์ นิพนธ์อารักษ์ และ นางธัญญ์ฐรัศม์ ศรีเทพ ปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัทที่เป็นเจ้าของ 11 คลินิก
กลุ่มสองมีชื่อ บจก.วนาโฮลดิ้งส์ ที่มี นาย ธราธิป วนาวณิชย์กุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัทที่เป็นเจ้าของคลินิก 7 แห่ง
และทั้ง 2 กลุ่ม ยังปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัทที่เป็นเจ้าของคลินิก รวมกันอีก 10 แห่งที่ สปสช.ดำเนินการตรวจสอบในล็อตที่สองอีกด้วย
แม้ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่ออย่างเป็นทางการของหน่วยบริการ 63 แห่งที่ถูกตรวจสอบในล็อตที่ 2 แต่ สำนักข่าวอิศรา ได้รายงานไปก่อนหน้านี้แล้วว่าได้รับการติดต่อจากหนึ่งในผู้บริหารของ บจก.คุณารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกสุพจน์เวชกรรม ซึ่งยอมรับว่า เป็นคลินิกที่ถูกตรวจสอบในกลุ่มหน่วยบริการ 63 แห่ง และขอให้สอบถามรายละเอียดจาก สปสช.จะดีที่สุด (อ่านประกอบ : เปิดตัว 'บ.คุณารักษ์' คลินิกถูกตรวจงบบัตรทองกลุ่มสอง 63 แห่ง - ผู้บริหาร แจงให้รอฟัง สปสช.)
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา สปสช. แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยได้สรุปภาพรวมการตรวจสอบทั้ง 2 ครั้ง ทั้งล็อตแรกที่พบคลินิก 18 แห่ง และล็อตที่สองที่พบข้อมูลไม่ถูกต้องจากหน่วยบริการ 63 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาลเอกชน 8 แห่ง และ คลินิกเอกชน 73 แห่ง
นอกจากนั้น สปสช.พบพฤติการณ์ในกลุ่มหน่วยบริการใหม่ ที่ไม่ใช่ ‘คลิกนิก’ หรือ ‘โรงพยาบาล’
แต่เป็นการพบข้อมูลผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินของ ‘คลินิกทันตกรรม’ 5 แห่ง โดย สปสช. ระบุว่า 2 แห่งแรก พบเอกสารหลักฐานชัดเจน ส่วนอีก 3 แห่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด
‘คลินิกทันตกรรม’ เบิกงบประมาณจากบัตรทองอย่างไร ?
‘ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ’ โฆษก สปสช. เปิดเผยว่า คลินิกทันตกรรมพื้นที่ กทม. สามารถเบิกจ่าย ‘งบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค’ ได้จากการให้บริการบางประเภท เช่น ค่าเคลือบหลุมร่องฟัน ของเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6-24 ปี , การป้องกันฟันผุ หรือ การอุดฟันในบางกลุ่มอายุ เป็นต้น
โดยพบว่าอาจมีการปลอมแปลงเอกสารเช่นเดียวกับกรณีการเบิกค่าคัดกรองโรคกลุ่มเมตาบอลิกของคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ที่คาดว่าจะต้องมีการขยายผลตรวจสอบคลินิกทันตกรรมในพื้นที่ กทม.ที่อยู่ประมาณ 100 แห่งด้วย
โฆษก สปสช. ยืนยันว่า ภารกิจหลักของ สปสช. คือการทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ซึ่ง ‘งบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค’ ได้รับการจัดสรรเงินไว้ให้กับคนไทยทุกคน แต่พื้นที่ กทม.มีความยากในการทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง
“ต้องยอมรับว่า กทม.เป็นพื้นที่ปราบเซียน เพราะประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ยากจากหลายเหตุผล เช่น หลายพื้นที่มีแต่โรงพยาบาล ประชาชนไปแล้วต้องต่อคิวนาน การให้บริการน้อยทำให้คนเข้าไม่ถึงก็มี จึงเป็นเหตุผลให้ สปสช.ต้องชวนเอกชนเข้ามาร่วมให้บริการประชาชน อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า ความผิดปกติที่พบทั้งหมด จนถึงขณะนี้ยังเป็นแค่การตรวจพบการทุจริตในภาคเอกชน ไม่ใช่การทุจริต สปสช. แต่อย่างใด” ทพ.อรรถพร กล่าว
ทำให้ในภาพรวมเวลานี้ สปสช.ตรวจพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายงบบัตรทองของหน่วยบริการ รวม 86 แห่ง โดยแบ่งเป็น โรงพยาบาลเอกชน 8 แห่ง , คลินิกเอกชน 73 แห่ง และคลินิกทันตกรรม 5 แห่ง
ทั้งนี้ในเขตพื้นที สปสช.เขต 13 กทม.ที่ถูกเรียกว่า ‘พื้นที่ปราบเซียน’ ยังมีรายการที่สามารถเบิกจ่ายจาก ‘งบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค’ ทั้งหมด 18 รายการ และกรณีของการเบิกจ่ายค่าคัดกรองโรคกลุ่มเมตาบอลิก หรือ กรณีคลินิกทันตกรรม เป็นเพียงส่วนหนึ่งในรายการเหล่านี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ สปสช.เพิ่งแจ้งความเอาผิดเฉพาะกรณีคลินิก 18 แห่ง พร้อมเรียกคืนเงิน 74 ล้านบาทเศษ และยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. และยังไม่ปรากฏข้อมูลการเอาผิดตัวบุคคลหรือการชี้มูลความผิดอย่างเป็นทางการ บริษัทเอกชนและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
เปิดตัว 'บ.คุณารักษ์' คลินิกถูกตรวจงบบัตรทองกลุ่มสอง 63 แห่ง - ผู้บริหาร แจงให้รอฟัง สปสช.
เจาะกลุ่มสองเจ้าของ 18 คลินิกเจออีก 4 แห่ง - 2 บริษัทถูกสอบเบิกงบบัตรทองล็อตสอง
พบอีก 5 แห่ง!เจ้าของเดิมกลุ่ม 18 คลินิกถูก สปสช.ลุยสอบเบิกงบบัตรทองล็อตสอง
คุ้ยเอกสารล้านแผ่น! สปสช.ลุยสอบกลุ่ม 63 คลินิกเบิกงบบัตรทอง-ดึงดีเอสไอตรวจทุจริต
เอ็กซ์คลูซีฟ: เปิดชื่อ 86 คลินิกเบิกงบบัตรทอง ก่อน สปสช.พบข้อมูลไม่ถูกต้อง 63 แห่ง 2.4ล.
'เพื่อไทย'จี้ สปสช.สั่งย้ายผู้อำนวยการ เขต 13 กทม.เปิดทางสอบคลินิกอบอุ่นเบิกเงินบัตรทอง
เปิดที่มาเงิน 2 หมื่นล้านงบสร้างเสริมสุขภาพฯบัตรทอง ก่อน 18 คลินิกถูกดำเนินคดีฉ้อโกง
อยู่ในชั้นอุทธรณ์! สปสช.ยังไม่ฟัน 63 คลินิกใหม่เบิกเงินตรวจโรค -18 แห่ง โดนคดีฉ้อโกง
ขยายผลสอบอีก 63 แห่ง! บอร์ด สปสช. ตั้ง คกก.สอบ 18 คลินิก ให้เลิกสัญญา-แจ้งความอาญาด้วย
ตามไปดู บ.คลินิก 2 กลุ่มเอกชนเบิกเงิน สปสช. 74 ล.! ใช้คฤหาสน์จดทะเบียนตั้ง-เจ้าของยันสุจริต
คุ้ยธุรกิจเจ้าของคลินิกกลุ่มสอง กรณีเบิกเงิน สปสช.74 ล.พบตั้ง บ.อีก 4 แห่ง ทำสถานพยาบาล
พบตั้ง บ.สถานพยาบาลอีกนับสิบ! โพรไฟล์ธุรกิจเจ้าของคลินิกกลุ่มแรก กรณีเบิกเงิน สปสช. 74 ล.
สปสช. ตามคุ้ยข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี 18 คลินิกเบิกเงิน 74 ล. - ขยายผลสอบ บ.ในเครือด้วย
เปิดตัว 14 บ.เจ้าของ 18 คลินิก สธ.สอบเบิกเงิน 74 ล. - ตัวแทนแจงหักคืนแล้ว ไม่มีทุจริต
โฆษก สปสช.แจงสอบ 18 คลินิก เบิกค่าคัดกรองความเสี่ยงโรค 3.7 แสนคน 74 ล.ชงแจ้งความคดีอาญา
'เพื่อไทย' อธิปรายขบวนการงาบงบ สปสช.ปี 61 เผยมี 18 คลินิกเบิก 74 ล้าน ทั้งที่ไม่มีการรักษา
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage