"...เราต้องมาวิเคราะห์ว่าเมืองไทย มีสินค้าเกษตรตัวไหนที่เด่น วันนี้ตัวที่เด่นที่สุด คือ ทุเรียน ตัวที่เด่นที่สอง คือ มังคุด ตัวที่สาม คือ มะม่วง โดยมะม่วงปลูกยากกว่าปลูกทุเรียนอีก แต่คนยังไม่เข้าใจ...คนไทยกินทุเรียนน้อยกว่ามาเลเซีย 10 เท่า กินน้อยกว่าเขา คนมาเลเซียและสิงคโปร์ กินทุเรียนมาก จีนเพิ่งเริ่มมากินทุเรียน ถ้าจีนกินทุเรียนเท่ากับมาเลเซีย คนไทยปลูกเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย..."
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ ‘เจ้าสัวธนินท์’ หรือ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้มีโอกาสรับฟังแนวคิดและมุมมองของ ‘เจ้าสัวธนินท์’ เกี่ยวกับทิศทางสินค้าเกษตรของไทย ดังนี้
@ทิศทางการผลิตสินค้าเกษตรไทยข้างหน้าควรเป็นอย่างไร ?
ธนินท์ : ผมเป็นคิดบวก แล้วก็ศึกษามาระยะนานแล้วว่า อย่างเมืองไทย เราต้องมาเลือกว่าเรามีสินค้าเกษตรอะไรที่ในโลกนี้ของเราเด่น คนอื่นสู้ไม่ได้ อย่างเช่นข้าวหอมมะลิ แต่ข้าวหอมมะลิเรา รัฐบาลไม่ได้ทุ่มเท ไม่มีงบประมาณเข้ามาสนับสนุน และส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์เต็มที่นัก เพราะตัวนี้คนอื่นไม่มี แต่เรามี แล้วตัวนี้ไม่ใช่ว่าเราจะเอาไปขายข้าวถูกๆ ชาวนายิ่งขายยิ่งจน เพราะไปขายข้าวมากๆ ขายถูกๆ จึงขาดทุนหรือกำไรน้อย หนี้สินชาวนาก็เลยสูงขึ้น
เกษตรกรที่ผมผ่านมา คนที่เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา จะกำไรมากกว่าคนทำสวน แต่ในสมัยโบราณมีแต่นา ทำนาเป็นหลัก แล้วค่อยทำสวน เพราะสวนลงทุนหนัก ได้ผลช้า แล้วต้องขยัน ทั้งปีไม่มีวันหยุด แต่นา ถ้าปลูกปีละ 1 ครั้งก็มีเวลาเหลือ พักหลังปลูกปีละ 3 ครั้ง มีเวลาน้อยลง แต่ก็มีเครื่องทุ่นแรงมาช่วย ทำให้ปลูกได้ 3 ครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ในหมู่บ้านคนที่เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู จะต้องรวยกว่าคนทำสวน
“วันนี้เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์มีรายได้มากที่สุดในหมู่บ้าน ทำสวนเป็นที่สอง ทำนาเป็นที่สาม ทำไร่เป็นที่สี่ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าเลี้ยงสัตว์เราจะขายให้ใคร อย่างซีพีเราเลี้ยงไก่ ตอนนั้นคนไทยรายได้ยังน้อย เมื่อ 50 ปีก่อน เราส่งเสริมเลี้ยงไก่ 1 หมื่นตัว แต่ต้องมีไก่ 1 หมื่นตัวทุกวัน ไม่ใช่ประเดี๋ยวมี ประเดี๋ยวไม่มี ไม่ได้ ตอนนั้นผมทำไก่ไปขาย ประเดี๋ยวมี ประเดี๋ยวไม่มี แผงไก่ไล่ผมออกจากตลาดไก่ ว่าผมมาให้ทำให้เขาวุ่นวาย ลูกค้าผิดหวัง มาถึงไม่มีไก่ เลยไม่ซื้อของผม”
แต่เราต้องมาวิเคราะห์ว่าเมืองไทย มีสินค้าเกษตรตัวไหนที่เด่น วันนี้ตัวที่เด่นที่สุด คือ ทุเรียน ตัวที่เด่นที่สอง คือ มังคุด ตัวที่สาม คือ มะม่วง โดยมะม่วงปลูกยากกว่าปลูกทุเรียนอีก แต่คนยังไม่เข้าใจ
“บริษัทเราเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เราได้ 100 คะแนน เราสู้กับระดับโลกได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องสวน ซีพีได้ 10 คะแนนเท่านั้น อย่างปลูกมะม่วงนี่เราล้มเหลว ซีพีให้ทั้งน้ำหยด มีการวัดความชื้น รู้เลยต้องหยดกี่หยด ต้องทำอะไรบ้าง เราทันสมัยที่สุด แต่ล้มเหลว เพราะ1.เรื่องพันธุ์ 2.เรื่องน้ำฝน ทำไมฝนรู้ไหม เวลาออกมะม่วงออกดอก ถ้าฝนมาพังหมดเลย เกสรพังหมด ถ้าฝนไม่มาตามฤดู ล่าช้าไป 1 เดือน หรือมาเร็วขึ้น ก็เสียหาย 3.แมลง มะม่วงที่ดีต้องห่อทุกลูก”
ส่วนทุเรียน คนไทยกินทุเรียนน้อยกว่ามาเลเซีย 10 เท่า กินน้อยกว่าเขา คนมาเลเซียและสิงคโปร์ กินทุเรียนมาก จีนเพิ่งเริ่มมากินทุเรียน ถ้าจีนกินทุเรียนเท่ากับมาเลเซีย คนไทยปลูกเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ทุเรียนขายให้คนเอเชีย มีเมืองจีน และผมเชื่อว่าต่อไปอินเดียก็กิน ญี่ปุ่นก็กิน แต่ถ้าเป็นมังคุด กินทั้งคนเอเชีย คนยุโรป และคนในโลกนี้ ไม่มีคนไหนปฏิเสธมังคุด แต่รัฐบาลต้องทุ่มเงินมารีเสิร์ช (วิจัย) โดยทุเรียนมีโอกาสสำเร็จเร็วกว่ามะม่วง เพราะเรื่องน้อยกว่า
“ผมทดลองปลูกมะม่วงกับทดลองปลูกทุเรียน มะม่วงยากกว่า ไม่ใช่ง่าย คิดดูสิ ต้นมะม่วงสูงๆใหญ่ๆต้องไปห่อทุกลูก แล้วลูกที่อยู่ปลายคนปีนก็ลำบาก ผมคิดว่ารัฐบาลจะต้องทุ่มเต็มที่ ที่ไหนเหมาะสมปลูกทุเรียนก็ไปสนับสนุน ต้องมีเทคโนโลยีไปสนับสนุน เพราะทุเรียนกว่าจะได้จริงๆ 7 ปี ได้เล็กๆน้อยๆ 5 ปี อย่าง 3 จังหวัดภาคใต้ ทุเรียนอร่อยมาก แต่ต้องทำพันธุ์ให้เป็นต้นเตี้ย ไม่ต้องปีนขึ้นไปเก็บ ไม่ต้องปีนขึ้นไปดูแล”
วันนี้ทุเรียน มะม่วง มังคุด ส้มโอ มะพร้าวน้ำหอม และมะพร้าวกะทิ เราเป็นที่หนึ่งของโลก แต่เราผลิตไม่ได้มาก ผลิตมากที่สุด คือ อินเดีย อินโดนีเซีย แต่ของเราอร่อยกว่า ขายได้เงินมากกว่า เราไม่ต้องไปแข่งขายมากๆ เพราะถ้าแข่งขายมากๆแล้วขาดทุนจะขายไปทำไม
นอกจากนี้ การเลี้ยงกุ้ง เราก็รู้ว่าเราเป็นที่หนึ่ง พันธุ์เราเป็นที่หนึ่ง แต่สิ่งแวดล้อมเราสู้เวียดนามไม่ได้ เวียดนามมีพื้นที่ติดทะเลไกลลิบ อินเดียก็มีที่เลี้ยงกุ้งเยอะแยะ แล้วก็ฟิลิปปินส์ แต่ซีพีเราก็เป็นศูนย์กลาง เราเพาะพันธุ์กุ้งที่ดีที่สุดของโลก แล้วเราเอาไปเลี้ยงกุ้งที่อินโดนีเซีย อินเดีย มาเลเซีย เมียนมา เวียดนาม แล้วไปโน่นเลย อเมริกาใต้ และบราซิล เลยกลายเป็นว่า ถ้าเราเลี้ยงเฉพาะเมืองไทย เราไม่ได้เป็นที่หนึ่งของโลก
“เราไปเลี้ยงในหลายๆประเทศ และขายให้ประเทศเขา อย่างอินเดีย เงินตราต่างประเทศน้อย ภาษีขาเข้าเยอะ เราไปเลี้ยงที่โน่นเลย วัตถุดิบเขาก็มี ฟิลิปปินส์เต็มด้วยเกาะ เราก็ไปเลี้ยงที่ฟิลิปปินส์ เอาอาหารไป เอาพันธุ์กุ้งไป เลี้ยงแล้วก็ขายให้คนฟิลิปปินส์ที่มีตั้ง 100 ล้านคน ถ้ามีเหลือเราก็ขายไปอเมริกา เอาไปขายให้คนอเมริกา วันนี้รัฐบาลอเมริกาอยากให้เราไปเลี้ยงกุ้งที่อเมริกา และยุคนี้ไม่กลัวแล้ว หน้าหนาวซีพีก็เลี้ยงได้ ก็กำลังศึกษาว่าอเมริกามีนโยบายอย่างไร”
@ไทยจำเป็นต้องส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลกหรือไม่ ?
เราไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งหรอก เรามีพื้นที่ที่ดีๆ ทำไมต้องไปปลูกข้าว รู้ไหมว่าการปลูกข้าวใช้น้ำมากที่สุด ทำไมไม่เอาที่ที่ปลูกข้าวที่นนทบุรี มาปลูกเป็นทุเรียนก้านยาวเลย วันนี้รัฐบาลมีขอบเขตว่าพื้นที่นี้ให้ทำเกษตร ห้ามทำเป็นเมือง แต่นนทบุรี ก้านยาวหายไปหมดแล้ว กลายเป็นหมู่บ้านไปแล้ว ทุเรียนก้านยาวอร่อยที่สุด คือ นนทบุรี บางลูกราคาเป็นแสน ราคาเป็นหมื่นก็มีแต่นานแล้ว ผมแนะนำว่าปทุมธานี นนทบุรี ต้องเลิกปลูกข้าวขาย ไปขายถูกๆทำไม
“ถ้าจะปลูกข้าวจริงๆ ให้ปลูกข้าวหอมมะลิที่รีเสิร์ซแล้วใช้ได้ เหนือกว่าคนอื่น ไม่ใช่ไปแข่งกับเมียนมา ไปแข่งอะไรกับอินเดีย เราปลูกข้าวเป็นที่ 4 ของโลก ไม่ใช่ที่หนึ่ง เพียงแต่เขาไม่ส่งออกเท่านั้น ที่หนึ่ง คือ จีน ที่สองอินเดีย ส่วนเวียดนามพอเปิดประเทศ เขาปลูกข้าวแพงกว่าเรา แต่เขาขายได้ทันที ขายได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เช่นกันเมียนมา กัมพูชา วันนี้ขายได้เท่าไหร่ก็เอา ถือว่าเงินตราเข้าประเทศเขา เพราะไม่มีอย่างอื่นที่จะไปขาย แล้วเราจะไปแข่งว่าเราเป็นที่หนึ่งของโลกทำไม”
ถ้าประเทศไทยทำให้ถูกต้อง เกษตรกร ชาวนา ชาวสวน จะต้องรวย เพราะเรามีน้ำมันบนดิน แต่รัฐบาลที่ยังไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ เพราะกลัวว่าคนยากจนกินข้าวแพง แล้วคิดว่าจะขายแรงงาน ทำดัชนีค่าครองชีพให้ถูก ต่อไปจะให้เราขายแต่แรงงานได้อย่างไร เราต้องขายความสามารถ เราต้องสร้างคนไทยให้มีความรู้ความสามารถ แต่วันนี้กฎหมายบางอย่างยังไม่แก้อย่างสงวนสิทธิ์ ขอทาน ช่างตัดผม กฎหมายเป็นร้อยปี ต้องแก้แล้ว
“บีโอไอไปชักชวนมาว่า มาใช้แรงงานถูกๆ ยุคนี้ต้องไม่ใช่แล้ว ต่อไปคำว่าคนงานกับเกษตรกรจะค่อยๆหายไปจากโลก อย่างเกษตรกรอเมริกาเหลือ 1% ใช้เครื่องจักรทั้งนั้น เป็นช่างเทคนิคดูแลอุปกรณ์เครื่องจักร ซ่อมบำรุง แล้วต่อไปเรื่องซ่อมก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว ในยุคสมัยใหม่ซ่อมแบบเดิมไม่ใช่แล้ว พอหมดอายุทิ้งทั้งชิ้นไปเลย ที่เป็นเหล็กก็เอาไปถลุงใหม่ โลกมันเปลี่ยนไป ต่อไปหน้าสู้ดิน หลังสู้ฟ้า ไม่ต้องพูดถึง ใครจะไปทำ”
วันนี้โลกก้าวหน้าเร็วมาก มีทีวี มีมือถือ ทำให้ลูกหลานชาวนาอยากจะมีเหมือนกัน แต่รายได้น้อย ไม่สมดุลกัน หนึ่งเราจะทำอย่างไรให้ไทยปลูกสินค้าเกษตรที่ในโลกนี้ต้องการ สองต้องปลูกสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง มูลค่าต่ำให้คนอื่นปลูก อย่างข้าวขาวถูกๆ จะปลูกไปทำไม เรามีดินฟ้าอากาศดีอย่างนี้ ปลูกทุเรียน มะม่วง มังคุด กล้วยหอม ส้มโอ ส่วนส้มเช้ง ส้มเขียวหวาน ไม่ใช่พืชเมืองร้อนของเรา เพราะแมลงเยอะ เวลาพ่นแมลง มันก็ดูดซึมลงในผิว กินเข้าไปก็เป็นมะเร็ง
“ผมยังมองว่า ดิน ฟ้า อากาศ สวรรค์สร้างให้เมืองไทยเราปลูกอะไรก็อร่อย ผลไม้เราอร่อยกว่าคนอื่น อย่างมะละกอเราไม่ได้แพ้คนอื่น พันธุ์เราเอามาจากฮาวาย ทั้งหวาน ทั้งสวย ทั้งแดง เราเอาจริงเอาจังหรือเปล่า ก็อยู่ที่พันธุ์ อันนี้เป็นเรื่องเกษตร เต็มไปด้วยโอกาส แต่รัฐบาลต้องเข้าใจ ต้องทุ่มเงินมาช่วยกัน มารีเสิร์ช”
@จะเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกข้าวลงได้อย่างไร และข้าวจะไม่ขาดแคลนอาหารหรือ?
ข้าวไม่มีว่าไม่พอกิน ข้าว 4 เดือนก็ได้ผลแล้ว ดินฟ้าอากาศเราไม่มีหน้าหนาว ปลูกได้ทั้งปี แต่ถ้าเปลี่ยนไปปลูกผลไม้ 3 ปี เขาถึงจะได้เงิน แต่ปลูกข้าว 4 เดือน เขาก็ได้เงินแล้ว แล้วใน 3 ปีนี้เอาอะไรกิน แต่เรามีวิธีเหมือนกัน ต้องให้กู้เขาก่อน ดอกเบี้ยถูกๆ พอ 3 ปี ได้ผลแล้วก็ค่อยมาผ่อนคืนรัฐบาล แต่ต้องมีเทคโนโลยีใหม่มาช่วยเขาด้วย มีเครื่องเช็คอุณหภูมิ ความชื้น แม้กระทั่งดูแมลงต่อไปไม่ต้องเข้าไปในสวนแล้ว เราใช้โดรนไปส่อง ถ่ายรูปเลย
@ในจดหมายถึงนายกฯกลุ่มซีพีมีข้อเสนอเรื่องน้ำอย่างไร ?
เรื่องน้ำ เราเรียกว่าปลูกน้ำ ต่อไปคนที่มีที่ลุ่มจะรวยกว่าคนที่ปลูกข้าว…ถ้าเรามีน้ำก็มีความเชื่อมั่น ศัตรูพืชก็คุมได้ น้ำมีค่ามาก แล้วต่อไปขายน้ำให้เกษตร เหมือนกับขายไฟฟ้าให้ชาวบ้าน เพราะน้ำไปต่อเงินได้ ซื้อน้ำไปแล้วไปทำให้มีเงินมากขึ้น...อย่างคุณมีที่ดิน 10 ไร่ แต่น้ำท่วมทุกปี หรือสองสามปีท่วมครั้งหนึ่ง เราก็เอาที่ดินมารวมกัน แล้วทำเป็นบึงใหญ่เลย ขุดให้ลึกไปเลย แล้วขายน้ำไปทำเกษตร ส่วนดินเอามาขายได้อีกด้วย แล้วทำเป็นบึงเลี้ยงปลา ทำเป็นรีสอร์ทก็ได้
“ถ้ามีที่ดินเป็นที่ต่ำ ทำนาไม่ได้ผล ปลูกผลไม้ก็ไม่ได้ เมื่อน้ำท่วมก็เสียหาย ทำเขื่อนก็ไม่คุ้ม ก็ให้ทำเป็นอ่างเก็บน้ำไปเลย แล้วยังทำให้ที่ดินรอบๆขายได้แพงขึ้นอีกด้วย แต่อย่าทำเล็กๆ ทำให้ใหญ่แล้วขายน้ำ ใครจะมาทำประมง เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เราก็เก็บเงิน ถ้าเอางบประมาณมาลงตรงนี้ เงินคืนไม่กี่ร้อยเท่า แต่ถ้าไปขุดเป็นบ่อเล็ก บางทีไม่มีน้ำ บางทีน้ำซึมไป ตื้นไป…ฝนตกที่ตกปีหนึ่ง ถ้าเราเก็บน้ำฝนได้ 1 ใน 3 ก็พอแล้ว เหลือล้นแล้ว”
ต่อไปคนที่มีดินตามนี้ แล้วทำน้ำขายอาจจะรวยกว่าคนที่ทำนาทำสวน และไม่เสี่ยงด้วย
อ่านประกอบ :
ดึงทัวร์เศรษฐีโลกเที่ยวไทย! ‘เจ้าสัวธนินท์’ ชงไอเดีย-เชื่อเปิดเมือง 'โควิด' ไม่ระบาดรอบ 2
ธนินท์ เจียรวนนท์ : เกษตร 3ประโยชน์ 4 ประสาน จาก’หนองหว้า’ถึง’ผิงกู่’
นายกฯ ได้รับจม.ตอบกลับจากมหาเศรษฐีครบแล้ว - ชื่นชมช่วยบรรเทาความทุกข์คนไทย
ซีพี ช่วยแล้ว700ล.! ‘เจ้าสัวธนินท์’ ตอบกลับ ‘บิ๊กตู่’ แนะปลูกน้ำ-สร้างไทยศูนย์กลางศก.โลก
ธนินท์ เจียรวนนท์ : เราจะฟื้น..ผมเชื่อว่า เมืองไทยจะฟื้นได้เร็วที่สุด
‘เจ้าสัวธนินท์’ แนะรบ.กล้าใช้เงิน ‘พยุงธุรกิจ-อุ้มคนตกงาน’ กระทุ้งธปท.กด ‘บาทอ่อน’
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/