“...ผมมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ในช่วงวาระ 6 ปี ของการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผลสัมฤทธิ์ของการสร้างบุคลากร สตง. ให้เป็นทั้งคนแก่งและคนดี มีความรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ประกอบกับการมีแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการส่งเสริมบุคลากรให้เป็นผู้เสียสละ ร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จะเป็นการยืนยันถึงอัตลักษณ์ของคนตรวจเงินแผ่นดินที่ “ยึดมั่นจิตสาธารณะ”..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดแถลงวิสัยทัศน์และแนวทางการบริหารงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นทางการ
********
นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าฯ สตง. กล่าวว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ประกาศ ณ วันที่ 4 มิถุนายน พุทธศักราช 2567 ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการเชื่อมโยงและนำนโยบายการตรวจเงินแผ่นดินของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินมาสู่การปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์ เกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพจึงได้กำหนดวิสัยทัศน์และแนวทางการบริหารงานตรวจเงินแผ่นดินตลอดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน 6 ปี นับจากนี้ โดยมุ่งเน้น “สร้างคนเก่งคนดี มีความรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ยึดมั่นจิตสาธารณะ”
ทั้งนี้ เพื่อนำองค์กรการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งอยู่ในช่วงของการพัฒนาและเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็น “องค์กรตรวจสอบและเสริมสร้างวินัยการเงินการคลัง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของหน่วยรับตรวจ สาธารณชน และชุมชนตรวจเงินแผ่นดินในระดับสากล”
นายมณเฑียร กล่าวด้วยว่า “สร้างคนเก่งคนดี” ถือเป็นเป้าหมายแรกเนื่องจากทรัพยากรมนุษย์เป็นสินทรัพย์และองค์ประกอบสำคัญที่จะนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ โดยจะวางระบบการบริหารและพัฒนาที่มีความต่อเนื่องในทุกสายงานและทุกระดับ เพื่อให้บุคลากรของ สตง. มีความเป็นมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านในเชิงลึก และมีความรอบรู้ในทางกว้างในรูปแบบสหสาขาวิชา (Multi – Disciplinary) เพื่อรองรับทิศทางการตรวจสอบที่เน้นการตรวจสอบเชิงบูรณาการ รวมถึงการตรวจสอบในเรื่องที่มีความซับซ้อน มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจะกำหนดกลยุทธ์และกระบวนการภายในเพื่อเสริมสร้าง สนับสนุน และส่งเสริมคนดีให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่มีความเข้มแข็ง โดยใช้กระบวนการในการบริหารและพัฒนาบุคลากรที่มีความโปร่งใสและยุติธรรม รวมถึงกำหนดแนวทางในการจูงใจบุคลากร เช่น การมอบรางวัล ประกาศเกียรติคุณ ฯลฯ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรผู้ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นคนดีและทำความดี
นอกจากนี้ ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลได้ส่งผลกระทบ (Disrupt) ทั้งต่อชีวิตประจำวันและการทำงานของ ทุกองค์กรอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สตง. จึงจำเป็นต้องมีแผนงานที่ชัดเจนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation) ที่มีความพร้อมและมีสมรรถนะสูงในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการตรวจเงินแผ่นดินให้เกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพสูงสุด “มีความรู้เทคโนโลยีดิจิทัล” จึงครอบคลุมทั้งในส่วนของ Software Hardware และ Peopleware กล่าวคือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ CIO (Chief Information Officer) ได้มีการเตรียมความพร้อมและวางรากฐานทางด้าน Software โดยวางระบบการทำงานแบบดิจิทัลทั้งหมด ทั้งในส่วนของงานตรวจสอบ (ระบบ e-Audit) และงานสนับสนุน (ระบบ e-Office)
สำหรับด้าน Hardware ได้มีการเตรียมความพร้อมในการวางแผนจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์และระบบเครือข่ายในการเชื่อมโยงข้อมูลที่จำเป็นในการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดีอี กรมศุลกากร ฯลฯ รวมถึงได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการตรวจสอบโดยใช้ระบบดิจิทัลไปพร้อมกัน
ส่วนด้าน Peopleware ได้มีการอบรมพัฒนาข้าราชการกลุ่มนำร่องเพื่อให้มีความรู้ ทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Data Analytic) การพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการตรวจสอบ ฯลฯ และจะดำเนินการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้แก่บุคลากรของ สตง. ในทุกสายงาน ทุกตำแหน่ง และทุกระดับอย่างต่อเนื่องต่อไป ตลอดจนพัฒนา Web Application เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง การจัดงาน และการแข่งขันกีฬาให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำไปใช้เป็นคู่มือในการปฏิบัติงาน
นายมณเฑียร ย้ำว่า “ผมมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ในช่วงวาระ 6 ปี ของการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผลสัมฤทธิ์ของการสร้างบุคลากร สตง. ให้เป็นทั้งคนแก่งและคนดี มีความรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ประกอบกับการมีแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการส่งเสริมบุคลากรให้เป็นผู้เสียสละ ร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จะเป็นการยืนยันถึงอัตลักษณ์ของคนตรวจเงินแผ่นดินที่ “ยึดมั่นจิตสาธารณะ” และจะเป็นการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งให้แก่ สตง."
"ทั้งนี้ ด้วยความตระหนักดีว่า “เงินแผ่นดินคือเงินของประชาชนทั้งชาติ” ซึ่งเป็นความตอนหนึ่งของพระบรมราโชวาทที่พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานให้แก่ สตง. และคนตรวจเงินแผ่นดินทุกคนได้เทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมตลอดมา"
ผู้ว่าฯ สตง. ยังระบุด้วยว่า เพื่อประโยชน์ในการสื่อสารองค์กร การประชาสัมพันธ์นโยบาย บทบาท ภารกิจ และเผยแพร่ผลการดำเนินงาน ผลการตรวจสอบของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ สตง. ออกไปสู่สาธารณชนได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ตรงประเด็นและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่โฆษก สตง. พร้อมแต่งตั้งคณะทำงานโฆษกในส่วนภูมิภาคทั้ง 15 ภูมิภาคซึ่งรับผิดชอบเขตพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยมีหน้าที่หลักในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแถลงข่าว ให้ข่าว ชี้แจงข้อเท็จจริง และการประชาสัมพันธ์เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและระงับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ทางราชการ
โดย สตง. จะจัดให้มีการแถลงข่าวผลงานการตรวจสอบของ สตง. พร้อมตอบข้อสอบถามของสื่อมวลชนเป็นประจำทุกเดือน ณ ห้องโถงรับรองชั้น 1 อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินด้วย
****
นับเป็นจุดเริ่มต้น การบริหารงานสตง. ยุคใหม่ภายใต้การบริหารงาน ผู้ว่าฯ สตง. ที่ชื่อ มณเฑียร เจริญผล เป็นทางการ
ภารกิจทุกอย่างจะสัมฤทธิ์ผล ดั่งที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ ติดตามดูกันต่อไปป