"...ผมยืนยันว่ามีความโปร่งใสทุกขั้นตอน ที่เราจัดเก็บอยู่นั้น คือ จุดท่าเรือปากเมง ซึ่งเป็น One Day Trip ลงทะเลในระดับต้นทาง และจัดเก็บตกค้างบริเวณถ้ำมรกตกับที่เกาะกระดาน โดยที่ถ้ำมรกต จะมีการจัดเก็บที่เกาะกระดาน ซึ่งเราเข้าไปทุกวัน โดยจะเข้าไปช่วงที่เรือท่องเที่ยวเข้า โดยส่วนที่จัดเก็บแล้วตรวจสอบแล้ว เราต้องใช้เรือตรวจการณ์ออกมาลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในทะเลด้วย..."
กลายเป็นเรื่องร้อน ในอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ขึ้นมาทันที
ต่อกรณี เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2566 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำทีมชุดพญาเสือลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจพื้นที่เกาะกระดานเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง โดยเข้าสุ่มตรวจบริเวณหน้าถ้ำมรกต ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ จ.ตรัง ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯหาดเจ้าไหมเข้ามาจัดเก็บค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด
ขณะที่ นายชัยวัฒน์ ระบุว่า ทางสำนักอุทยานฯ ได้รับการร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯหาดเจ้าไหม ไม่มีการมาดำเนินการจัดเก็บค่าเข้าใช้บริการที่บริเวณถ้ำมรกตแห่งนี้มานานแล้ว ประกอบกับรายงานการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานฯหาดเจ้าไหมซึ่งมีพื้นที่จัดเก็บหลายแห่ง แต่รายได้ต่อวันต่ำกว่าอุทยานฯอื่นๆมาก ได้เพียงหลักหมื่นบาทต่อวัน ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง สถานที่ท่องเที่ยวภายในเขตอุทยานฯหาดเจ้าไหมมีหลายจุด รวมทั้งถ้ำมรกตแห่งนี้ เป็นพื้นที่เป้าหมายของนักท่องเที่ยว ทั้งจากที่ลงเรือฝั่งจ.ตรัง และเดินทางมาทางเรือจากจังหวัดใกล้เคียง ทั้งจากกระบี่ ,พังงา ภูเก็ต และจ.สตูล เข้ามาท่องเที่ยว แต่ผลการจัดเก็บรายได้ต่ำมากเพียงแค่วันละหลักหมื่นบาท หรือบางเดือนแค่ 2-3 หมื่นบาท แต่ไม่เคยเกิน 4 หมื่นบาท ขณะที่อุทยานฯอื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียงรายได้ต่อวันนับแสนบาท จึงมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความจริง
นายชัยวัฒน์ ยังระบุด้วยว่า " ป.ป.ช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) และหน่วยงานตรวจสอบก็เพ่งเล็งการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานฯอยู่ จะต้องให้โปร่งใส่ เป็นไปได้ว่าผู้ประกอบการอาจมีการจ่ายตรงกับเจ้าหน้าที่ โดยไม่ผ่านตั๋วเข้าชม ซึ่งอุทยานฯ เจ้าไหมแต่ละวันจัดเก็บได้น้อยกว่าอุทยานฯอื่นๆ ได้วันละหมื่นกว่าบาท ต่อปีอุทยานฯหาดเจ้าไหมรายงานได้แค่ปีละ 3-6 ล้านบาท แต่ในขณะที่อุทยานฯอื่นๆจัดเก็บได้วันละเป็นแสนบาท ตกปีละหลายสิบล้านบาท ทั้งหมดนี้จะต้องให้ทางนายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานฯหาดเจ้าไหมทำรายงานชี้แจงมาทั้งหมด”
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ นายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานฯหาดเจ้าไหม เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้
นายพริษฐ์ กล่าวว่า "ตัวเลขสถิติย้อนหลังมา 4-5 ปี เดือนหนึ่งๆ มีตัวเลขเทียบบอกแต่ละปีอยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 2562-2563 มีตัวเลขคุมอยู่แล้ว เราคงไม่สามารถที่จะไปอัพตัวเลขลงมาได้แน่นอน ซึ่งเมื่อวาน(29พ.ย.) ได้หารือกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ว่ายังมีเป็นเอกสารชี้แจง มันก็น่าจะต้องจบ"
เมื่อถามว่า ยืนยันว่าไม่มีการตุกติกในการจัดเก็บของเจ้าหน้าที่ใช่หรือไม่?
นายพริษฐ์ กล่าวว่า "เมื่อให้มาชี้แจงกับผู้สื่อข่าวอย่างนี้ กลัวมันจะขัดกับหนังสือชี้แจง แต่ยืนยันว่า จัดเก็บตรงไปตรงมา"
เมื่อถามถึง ยอดการจัดเก็บสัมพันธ์กับจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ยในแต่ละวันหรือไม่?
นายพริษฐ์ ตอบว่า เรื่องจำนวนนักท่องเที่ยว ต้องบอกเลยว่าแต่ละวันมันไม่สามารถระบุได้ วันหยุดยาวก็จะเป็นลักษณะหนึ่ง วันปกติก็เป็นอีกลักษณะหนึ่ง
เมื่อถามต่อว่า รู้สึกหนักใจว่าจะกระทบต่อการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งหรือไม่?
นายพริษฐ์ อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบสั้นๆว่า "เรื่องนี้ขอให้สัมภาษณ์ในภายหลัง ซึ่งการเก็บจัดเก็บรายได้มันจะต้องรอบคอบอยู่แล้ว เรื่องชี้แจงเรารอคำสั่งการจากท่านอธิบดีกรมอุทยานฯด้วย ว่าหลังจากนี้จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ เพื่อความรอบคอบ เพื่อความเข้มข้นในการจัดเก็บรายได้"
"ผมยืนยันว่ามีความโปร่งใสทุกขั้นตอน ที่เราจัดเก็บอยู่นั้น คือ จุดท่าเรือปากเมง ซึ่งเป็น One Day Trip ลงทะเลในระดับต้นทาง และจัดเก็บตกค้างบริเวณถ้ำมรกตกับที่เกาะกระดาน โดยที่ถ้ำมรกต จะมีการจัดเก็บที่เกาะกระดาน ซึ่งเราเข้าไปทุกวัน โดยจะเข้าไปช่วงที่เรือท่องเที่ยวเข้า โดยส่วนที่จัดเก็บแล้วตรวจสอบแล้ว เราต้องใช้เรือตรวจการณ์ออกมาลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในทะเลด้วย"
"จากที่ชุดพญาเสือเข้าไป สุ่มตรวจบริเวณถ้ำมรกตแล้วไม่พบเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมนียมนั้น เมื่อวานทางเจ้าหน้าที่ต้องมารอรับนายชัยวัฒน์ ที่หน่วยทำการเกาะกระดาน ประกอบกับฝนตกหนักในพื้นที่ และยืนยันว่าในวันปกติทั่วไปมีเจ้าหน้าที่คอยจัดเก็บอยู่ตลอด แต่วันดังกล่าวเรามีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่รอที่จะปฏิบัติภารกิจร่วมกับผอ.สำนักอุทยาน ซึ่งวันปกติก็ออกตรวจอยู่แล้ว ในส่วนของตัวเลขการจัดเก็บ ต้องรอการยืนยันที่ชัดเจนเพราะมีตัวเลขสถิติอยู่ ขอให้ชัดเจนเรื่องของข้อมูลนิดหนึ่งก่อน ส่วนในเดือนที่ผ่านผ่านมายังไม่สามารถเฉลี่ยได้ แต่มันจะมีตัวเลขอยู่” นายพริษฐ์กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งหมดนี้ คือ คำชี้แจงเบื้องต้นจาก นายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานฯหาดเจ้าไหม ที่ให้กับสำนักข่าวอิศรา ต่อกรณี นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำทีมชุดพญาเสือลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจพื้นที่เกาะกระดานเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง โดยเข้าสุ่มตรวจบริเวณหน้าถ้ำมรกต ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ จ.ตรัง ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯหาดเจ้าไหมเข้ามาจัดเก็บค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพิเศษสำนักข่าวอิศรา จังหวัดตรัง รายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2566 เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม - Hat Chao Mai National Park ได้เปิดเผยสถิติเงินรายได้ประจำวันที่ 29 พ.ย. 2566 แจ้งว่ามีรายได้จำนวน 21,180 บาท (ดูเอกสารท้ายเรื่อง)
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายชัยวัฒน์ ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขรายได้ว่า อุทยานฯหาดเจ้าไหมได้รายงานค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บได้ในวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้เพียงหมื่นกว่าบาท ประกอบด้วย ชาวต่างชาติ จำนวน 1 คน รถยนต์ 9 คัน ชาวไทย จำนวน 18 คน ส่วนที่ทำการเกาะกระดานรายงาน ชาวต่างชาติจำนวน 35 คน ชาวไทย 4 คน เรือยนต์ 3 ลำ เรือเล็ก 3 ลำ ที่หาดปากเมง คนไทย 14 คน ชาวต่างชาติ 5 คน เรือใหญ่ 1 ลำ ทั้งนี้ รวมชาวต่างชาติทั้งหมด 41 คน รายงานมาเป็นยอดเงินทั้งสิ้นจำนวน 10,070 บาท และวันที่ 28 พ.ย. อุทยานฯหาดเจ้าไหม รายงานว่ามีนักท่องเที่ยวที่ทำการอุทยานฯ 2 คน ที่เกาะกระดาน 72 คน รวมทั้งหมด 74 คน และเป็นเฉพาะชาวต่างชาติ แต่วันนี้ตนจู่โจมเข้ามาตรวจสอบโดยไม่ได้แจ้งให้อุทยานฯหาดเจ้าไหมรู้ กลับพบเจอเรือหางยาวนับสิบลำ รวมๆไม่ต่ำกว่า 400 - 500 คน รายได้เข้ารัฐหายไปวันนี้เป็นแสนบาทเฉพาะแค่ที่ถ้ำมรกตแค่จุดเดียว
ข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่ นายชัยวัฒน์ ตั้งข้อสังเกตหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา จะติดตามข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอต่อไป