"....ประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวล เพราะรายละเอียดที่เกี่ยวกับกฎหมายและพยานหลักฐานที่ได้ถามมา ได้ปรึกษาเป็นการภายในแล้ว แต่ไม่สามารถลงรายละเอียดมากไปกว่านั้นได้ เพราะต้องรอดูคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน และตนไม่ควรให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่ยังอยู่ในกระบวนการ..."
กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรคก้าวไกล ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตัวแสดงใหญ่’ทางการเมืองขณะนี้
ถูกนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบว่า นายพิธาถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น มีคุณสมบัติต้องห้ามสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ หรือไม่
เจ้าตัวโพสต์ชี้แจงว่า เป็นหุ้นของกองมรดกบิดา ตัวนายพิธาเพียงมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดก และได้ปรึกษาและแจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปนานแล้ว ไม่หนักใจ เป็นเรื่องทางการเมืองที่ถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบมาโจมตีก่อนการเลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้าย
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเสนอข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ITV (แบบ บมจ.006) นำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า การถือหุ้น ITV จำนวน 42,000 หุ้นของนายพิธาตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมาจนถึงล่าสุดปี 2566 เป็นเวลา 16 ปี เอกสารบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบบมจ.006) ที่นำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในแต่ละปี ท้ายรายชื่อและที่อยู่ผู้ถือหุ้นมิได้ระบุว่าถือในนาม ‘ผู้จัดการมรดก’ แต่อย่างใด
ล่าสุด นายพิธา ตอบคำถามสำนักข่าวอิศรา ถึงข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นทางการแล้ว
โดยในระหว่างการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ที่พรรคประชาชาติ เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้สอบถามนายพิธาถึงกรณีดังกล่าว
นายพิธาระบุว่า ประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวล เพราะรายละเอียดที่เกี่ยวกับกฎหมายและพยานหลักฐานที่ได้ถามมา ได้ปรึกษาเป็นการภายในแล้ว แต่ไม่สามารถลงรายละเอียดมากไปกว่านั้นได้ เพราะต้องรอดูคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน และตนไม่ควรให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่ยังอยู่ในกระบวนการ
“แต่สิ่งที่ท่าน (ผายมือมาที่ผู้สื่อข่าว) พูดมาเป็นประเด็น ไม่ได้เป็นประเด็นที่น่ากังวล เพราะว่ารับทราบดีอยู่แล้ว ได้ปรึกษาทีมกฎหมายแล้ว และทีมกฎหมายได้อธิบายแล้วว่า ทางออกในเรื่องนี้คืออะไร ก็คงตอบได้เพียงเท่านี้ครับ” นายพิธากล่าวทิ้งท้าย
อนึ่งเกี่ยวกับกรณีการถือครองหุ้น บริษัท ไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้นของนายพิธานั้น สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า ยังเป็นประเด็นถูกนายเรืองไกรยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จหรือไม่
เนื่องจากไม่ปรากฏการถือครองหุ้นจำนวนดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สินของนายพิธากรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ปี 2562 ด้วย
ผลการสอบสวน ป.ป.ช. จะออกเป็นอย่างไร คอยจับตาดู
เรื่องเกี่ยวข้อง:
- เปิดข้อมูลประกอบพิจารณา '6 ข้อ' กรณีหุ้นไอทีวี ‘พิธา’
- จ่อยื่นศาลรธน.ตีความ! 'เรืองไกร' ส่งหลักฐาน'พิธา' ปมถือหุ้น ITV ให้ กกต.เพิ่ม 2 รายการ
- 'เรืองไกร' ยื่นหลักฐาน 'พิธา' ปมถือหุ้น ITV เพิ่มให้ กกต.