"...ขอบอกตรง ๆ แบบนี้เลย เพราะเป็นการผิดระเบียบโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่าเป็นเหมือนลูกน้องพลาดแล้วเราเป็นหน่วยงานตั้งใหม่คล้าย ๆ อย่างนั้น มันยากมากที่อธิบดีเซ็นแฟ้มวันหนึ่งร้อยแฟ้มจะเปิดดูไส้หมดไหม ก็มอบหมายในการกลั่นกรอง ถ้าให้อธิบดีรับผิดชอบเลขานุการกรมต้องโดน หัวหน้าพัสดุต้องโดน หัวหน้าธุรการต้องโดน โดนทุกคน..."
เราอดทนสร้างแนวทางการใช้นิติวิทยาศาสตร์ในคดีความมั่นคง ร่วมเก็บหลักฐานในคดีและในการปิดล้อมตรวจค้น เราเริ่มมาตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ยังไม่มีใครทำ
เมื่อหน่วยงานหลักเริ่มเข้าใจบทบาทหน้าที่ เริ่มตั้งหลักได้ เราก็ต้องถอยออกทั้งด้วยตัวเองและถูกถีบออก แต่หมอสอนทุกคนว่าขอให้ตั้งมั่นในการทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้องมาวันนี้ วันที่หมอต้องเกษียนจากงานก็ยังยากที่จะหาคนที่ตั้งใจมาสานต่อ ยามนั้นมีคนทำงานไม่มากทีมที่ลงใต้ก็ต้องทำงานสนับสนุนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง หากจะมีความผิดพลาดก็หาใช่การทุจริตคอร์รัปชันตามที่ถูกกล่าวหา
แม้จะเหนื่อย แม้จะรู้สึกหนัก แต่จะท้อไม่ได้เด็ดขาด ที่สำคัญหมอจะไม่ปล่อยให้ทีมงานต้องต่อสู้โดยลำพังแน่นอน
ที่ชัดเจนที่สุดคือเราต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง อดทนอีกนิดเชื่อว่าจะผ่านได้แน่นอน
คือ ข้อความสำคัญที่ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกสุฒิสภา(ส.ว.) ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงอีกด้าน ต่อกรณี ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 มีมติเอกฉันท์ให้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเองในคดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด GT200 และ Alpha6 ในส่วนสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จำนวน 4 สัญญา ซึ่งปรากฎชื่อแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ถูกชี้มูลการกระทำความผิดทางอาญาด้วย
หลังจากที่ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ตั้งข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนการสอบสวนทำให้ต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.และอัยการ เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปอีกครั้ง แม้อัยการเจ้าของสำนวนเสนอให้สั่งฟ้องทั้งหมด แต่อัยการสูงสุดเห็นว่า หลักฐานไม่เพียงพอ จึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง
ขั้นตอนปัจจุบัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้สำนักคดีไปดำเนินการร่างคำฟ้อง เพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. อีกครั้ง
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เปิดประเด็นนำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
- หลักฐานห่างตัว! ลุ้น ป.ป.ช. สั่งฟ้อง 'คุณหญิงพรทิพย์' คดีจีที 200 หลัง อสส.ตีเรื่องกลับ
- มติเอกฉันท์! ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเองคดีจัดซื้อจีที 200 สถาบันนิติฯ 'จนท.-คุณหญิงพรทิพย์"
- เบื้องลึก! ป.ป.ช.ฟ้องเองคดีจีที 200 'หมอพรทิพย์-พวก' เจ้าตัวยันหากผิดพลาดไม่ใช่ทุจริต
ล่าสุด ในช่วงบ่ายวันที่ 10 มีนาคม 2566 สำนักข่าวอิศรา ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับกรณีนี้เป็นทางการ
ปรากฏรายละเอียดสำคัญนับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป
อิศรา: มีความเห็นอย่างไร? ต่อกรณีที่ ป.ป.ช.จะยื่นฟ้องคดีจีที 200 ในส่วนสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากปรากฎข่าวก่อนหน้านี้ว่า อสส.เห็นแย้งในสำนวนไม่สั่งฟ้อง โดยเฉพาะในส่วน แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ มีการระบุว่าหลักฐานยังไกลตัว
คุณหญิงพรทิพย์: "เนื่องจากเราทำตามระบบ ก็ขอบคุณทาง อสส.ที่รับฟังพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรม เพราะว่าตั้งแต่เริ่มต้นเราก็มองว่าข้อกล่าวหานี้เรามีคำชี้แจง แล้วก็มันไม่ใช่กับสิ่งที่ป.ป.ช.กล่าวหา อันนี้เป็นอันแรก
"อันที่สองมีความรู้สึกว่าทำไม ป.ป.ช.ถึงยังฟ้องอีก เพราะว่าในเรื่องระบบทั่ว ๆ ไป เรารู้ว่า ป.ป.ช. มีสิทธิ์ในแง่ความเห็น แต่อันนี้ประเด็นคือปัจจัยชัด ๆ เลย ที่หลักฐาน มันไม่ใช่ แต่ถ้ายังฟ้องก็ไม่เป็นไร เราก็สู้"
อิศรา: คิดว่าทำไมถึงถูก ป.ป.ช.ชี้มูลได้ มีคำตอบเรื่องนี้หรือไม่?
คุณหญิงพรทิพย์: "ไม่มี เพราะว่าข้อกล่าวหาตามที่เขา (ป.ป.ช.) กล่าวหาในตอนแรกที่ชี้มูลมา เรามีหลักฐานชี้แจง แต่ว่าเผอิญคำตัดสินเขาไม่เห็น เพราะว่าวันที่ 22 กรกฎาคม ที่เป็นวันหมดอายุความของคดีนี้ ป.ป.ช.มีความเห็นอะไรยังไม่รู้เลย เห็นแต่ที่สำนักข่าวอิศราลง"
"ซึ่งถามว่าตรงนี้มันไม่แฟร์ เหมือนลูกความทุกคน คนที่ถูกกล่าวหาไม่มีสิทธิ์ต่อสู้ เหมือนคุณไปดูเอาเองตอนถึงชั้นอัยการ แล้วก็ด้วยเวลาที่จำกัดแล้วก็ไม่มีเวลาที่จะไปต่อ มันไม่ควรจะใช่หลักการที่ถูกต้องของการอำนวยความยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายใดก็ตาม อันนี้คือความรู้สึกที่แท้จริง"
"คือเราไม่ได้ข้อมูลใด ๆ เลย ถ้าไม่มีสำนักข่าวอิศราป่านนี้ก็ยังไม่รู้เลยสักครั้งหนึ่ง"
อิศรา: ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยงาน ต้องรู้เรื่องการจัดซื้อทั้งหมดใช่หรือไหม รวมถึงเรื่องการขออนุมัติงบ?
คุณหญิงพรทิพย์: "เฉพาะกรณีที่เขากล่าวหาหมอ หมอเป็นผู้รู้เรื่อง ก็คือรู้ว่ามีงบประมาณมา และได้นำเข้าสู่ระบบเป็นการขออนุมัติงบประมาณในการจัดซื้อ แล้วก็สั่งการให้มีการจัดซื้อ"
"พอสั่งการให้มีการจัดซื้อก็เป็นเรื่องของหน่วยงาน พูดง่าย ๆ คือสำนักที่ดูแลไปดำเนินการตั้งเรื่องขึ้นมา ใบเสนอราคาเป็นยังไง ซึ่งส่วนใหญ่หมอจะไม่ได้ลงไปในรายละเอียดแล้ว เพราะว่าเป็นการเหมือนมอบอำนาจให้เลขานุการกรมเป็นคนดู แต่ว่ารู้เรื่องขั้นของการเริ่มต้น เพราะว่าเป็นการของบ เป็นการได้งบมา ผอ.ต้องรู้"
อิศรา: การจัดซื้อทั้ง 4 สัญญา มีขั้นตอนแนวทางปฏิบัติอย่างไร?
คุณหญิงพรทิพย์: "อย่างแรกมันเป็นครุภัณฑ์เกินล้าน มันก็มีระบบของมัน ก็ทำเรื่องขอไปที่สำนักงบประมาณว่าเราจะได้รับงบมา จะจัดซื้ออันนี้ พอสำนักงบประมาณอนุมัติให้จัดซื้อได้ก็ประกาศเปิดซอง"
"ทีนี้การเปิดซองก็ต้องดูสเปค สถาบันก็จะมีเครื่องมืออย่างนี้หลาย ๆ อัน เป็นหน้าที่ของแต่ละหน่วย เช่น หน่วยที่เกิดเหตุ หน่วยเคมี หน่วยดีเอ็นเอ ก็จะไปเอาสเปคซึ่งต้องอยู่ในลักษณะของที่ เขาเรียกว่าระเบียบราชการกำหนดไว้ ซึ่งการนี้เราจะไม่ได้ล้วงลงไปเพราะถือว่า ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตนเอง ก็คือ จะแบ่งเป็นเหมือนหัวหน้า หัวหน้าหน่วยของที่เกิดเหตุ หัวหน้าหน่วยตรวจศพ หัวหน้าหน่วยดีเอ็นเอ ก็จะเป็นคนที่ทำตามข้อกำหนดของระเบียบราชการ จากนั้นพอสุดท้ายเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็จะวนกลับมาอีกทีว่าอนุมัติให้มีการจัดซื้อ"
"ทุกอย่างจะไปผ่านหัวหน้า แล้วไปผ่านตัวเลขานุการกรม แล้วก็ผ่านรองผู้อำนวยการซึ่งดูแลรับผิดชอบ ส่วนระบบราชการก็ได้วางไว้พอสมควร เพราะไม่งั้นจะเหมือนกับอธิบดีจะต้องล้วงทุกเรื่องก็ไม่ถูก"
อิศรา: ทำไมการจัดซื้อครั้งที่ 2 แพงกว่าครั้งก่อนหน้า เรื่องนี้เป็นอย่างไร?
คุณหญิงพรทิพย์: "หลังจากที่เราขออนุมัติไปในตอนแรกเรียบร้อย สั่งการให้หน่วยก็คือหน่วยสถานที่เกิดเหตุ เป็นคนดำเนินการได้เลย เขาก็ไปดำเนินการ ก็เอาใบเสนอราคาส่ง ปรากฏว่าหลังจากนั้นหนึ่งหรือสองวัน บริษัทก็ขอเสนอใบราคา เสนอราคาใหม่ เพิ่มขึ้น 80,000 กว่าบาท ซึ่งเวลาที่เขาเสนอขึ้นมาถามว่าคนที่จะต้องช่วยดูแลตรวจสอบเรื่องนี้ ต้องเป็นเลขานุการกรม เพราะเลขานุการกรมเหมือนหัวหน้าของสำนักงานสนับสุนน เขาเลยต้องไปหารือเจ้าหน้าที่ครุภัณฑ์ พัสดุทั้งหลาย จัดซื้อจัดจ้าง งบประมาณว่าถ้าเขาเพิ่มราคาต้องทำยังไง"
"อันนี้ปรากฏว่าเลขานุการกรมก็ปล่อยให้มันขึ้นมาแบบไม่มีการเปรียบเทียบราคา พอปล่อยให้ผ่านขึ้นมา เลขานุการกรมเซ็น"
"ในวันหนึ่งผู้ที่ทำหน้าที่บริหารเซ็นแฟ้มเป็นร้อย เพราะฉะนั้นแฟ้มผ่านขึ้นไปยังรองอธิบดีหรือรักษาการอธิบดีก็ไม่ทันดูว่ามีการเพิ่มราคา เพราะใบมีความเปลี่ยนแปลง ย่อมไม่อาจจำได้ว่าใบเก่าเป็นราคาเท่าไร"
"อันนี้คือเราพูดย้อนหลัง ดังนั้น ถ้าดูตามการเพิ่มราคาที่ไม่มีใบเปรียบเทียบ ถามจริง ๆ ว่ามัน คือ ข้าราชการต้องออกจากราชการหรือเป็นประพฤติชั่วร้ายแรง เป็นทุจริตคอร์รัปชันใช่ไหม ถ้าใช่ต้องทำอย่างนี้กับทุกหน่วย"
"ขอบอกตรง ๆ แบบนี้เลย เพราะเป็นการผิดระเบียบโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่าเป็นเหมือนลูกน้องพลาดแล้วเราเป็นหน่วยงานตั้งใหม่คล้าย ๆ อย่างนั้น มันยากมากที่อธิบดีเซ็นแฟ้มวันหนึ่งร้อยแฟ้มจะเปิดดูไส้หมดไหม ก็มอบหมายในการกลั่นกรอง ถ้าให้อธิบดีรับผิดชอบเลขานุการกรมต้องโดน หัวหน้าพัสดุต้องโดน หัวหน้าธุรการต้องโดน โดนทุกคน"
อิศรา: มีแนวทางต่อสู้คดีอย่างไร?
คุณหญิงพรทิพย์: "เป็นแนวทางปกติอยู่แล้วของการโดนคดีศาลทุจริต คือ เราก็ต้องเตรียมตัวประกันตัว แล้วก็เตรียมทนายที่จะต่อสู้ ซึ่งตรงทนายเป็นที่หนักใจเพราะว่า ไม่ใช่ทางเรา ก่อนหน้าหน้านี้เราก็เคยโดนทนายเรียกราคาแพงมากมาแล้ว เพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่จำกัด"
"ถามว่าแล้วทำไมก็คือ หมอต้องการดูแลลูกน้อง เพราะว่าลูกน้องเขาไม่ควรจะต้องมาโดน เพราะว่าเขาตั้งใจทำงาน ฉะนั้นก็เลยคิดว่าจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ เพราะฉะนั้นความห่วงใยก็คงอยู่แค่สองส่วนนี้"
ภาพจาก / https://www.sanook.com/women/32753/
อิศรา: ช่วงที่มีการตรวจสอบ GT200 เคยปรากฏข้อมูลคุณหญิงระบุว่า เครื่องมือประสิทธิภาพ แล้วมีคนบอกว่าเครื่องมือไม่มีประสิทธิภาพ แล้วคุณหญิงไปโต้แย้งคนที่ออกมาพูด แต่ภายหลังมีการตรวจสอบแล้วก็พบว่าเครื่องมือไม่มีประสิทธิภาพจริง คุณหญิงจะชี้แจงยังไง?
คุณหญิงพรทิพย์: "ขออนุญาตพูดให้ชัด ๆ หมอพรทิพย์ไม่เคยบอกว่าเครื่องนี้มีประสิทธิภาพ มันเป็นอะไรที่สื่อเอาไปลงแล้วก็ทำให้เกิดความขัดแย้ง เป็นประเด็นมากมาย"
"ถ้าเอาเทปไปถอดได้หมอจะบอกเลยว่าเครื่องมือนี้ไม่ใช่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ หมอไม่ใช้เครื่องนี้แต่เจ้าหน้าที่เขาใช้"
"นึกภาพในการตรวจค้นเป้าหมาย สมมุติเป็นบ้าน 200 หลังแล้วเขาใช้เครื่องมือตัวนี้ แล้วสามารถตรวจพบบ้าน 30-40 หลังที่มีสารระเบิดขึ้น โดยที่เราตรวจยืนยันว่าบ้านหลังนั้นมีสารระเบิดขึ้นจริงด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ แบบนี้ยังยอมให้เจ้าหน้าที่ใช้ไหม เป็นหมอหมอก็ยอมนะ เพราะในยามนั้นระเบิดมันมากมายก่ายกอง และยามนั้นประเทศอังกฤษก็ใช้อุปกรณ์ตัวนี้"
"เพราะฉะนั้นเราไม่เคยบอกว่าเครื่องนี้มีประสิทธิภาพแต่ในยามนั้นมันช่วยได้ 10%-20% ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย จริงไหม มันเป็นอย่างนี้ ด้วยความที่มันเป็นความขัดแย้งทางการเมืองก็พยายามแบ่งพวกกันหมด ก็เอาคำพูดของหมอไปเปลี่ยนว่าหมอพรทิพย์สนับสนุนเครื่องนี้"
"ขอโทษที ถ้าสื่อทั้งหลายหรือคนทั้งหลายที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เคยลงไปอยู่ในสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีระเบิดทุกวัน วันละ 10 ครั้ง เดินลาดตระเวนก็โดนซุ่มยิง ถามว่ามีเครื่องมือมาช่วยสัก 30% เราโอเคไหม มันก็ดีกว่าไม่มีถูกไหม"
"แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ปี 53 มีกระบวนการทดสอบทางวิชาการก็พบว่าเครื่องนี้ไม่มีประสิทธิภาพในลักษณะของเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เราก็ต้องยอมรับ
"เป็นลักษณะที่อธิบายให้ฟังว่า ไม่ควรเอาความเห็นที่เกิดขึ้นจากวิชาการในภายหลังไปตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นที่มีข้อจำกัด โดยเฉพาะการที่มาตระหนักที่หมอ โดยที่กองทัพใช้พันเครื่องทำไมไม่ถามกองทัพว่ากองทัพใช้ได้ยังไง"
อิศรา: คิดว่าการที่ถูกป.ป.ช.ฟ้องตอนนี้ เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงนี้หรือไม่?
คุณหญิงพรทิพย์: "ณ เวลานี้ไม่ใช่ คือเป็นเรื่องที่เป็นจังหวะของมัน มีเงื่อนเวลา"
"คือคดีนี้มีการแก้กฎหมายเขาก็ต้องรีบทำให้เสร็จใน 64 แล้วพอเวลาฟ้องก็ยื่นขอความเป็นธรรมไป อัยการเขาก็ทำตามเวลา เขาก็เสร็จภายใน 1 ปี ทีนี้ก็เหลือป.ป.ช."
"แต่ถามว่าหมอจะถูกสั่งให้โดนรับผิดคนเดียว ในขณะที่หัวหน้าหน่วยงานที่ใช้เครื่องมือ ซื้อเครื่องมือนี้พันเครื่องไม่โดนเลยสักคน อันนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีผู้อื่นภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ใช้คำว่าผู้มีอิทธิพลมากกว่าการเมือง"
อิศรา: มีสิ่งที่อยากจะฝากถึงประชาชนและคนอื่น ๆ ที่ติดตามเรื่องนี้หรือไม่?
คุณหญิงพรทิพย์: "อย่างแรกฝากประชาชนว่าขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง แต่หมอมองว่าถ้าเราไม่โทษใครเลย เราปฏิบัติธรรม ปัญหาอุปสรรคเป็นแบบฝึกหัดที่ท้าทายทดสอบ"
"ถ้าผ่านเรื่องนี้ได้หมอจะพยายามผลักดันให้เกิดระบบที่เป็นธรรมกว่านี้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เป็นเหมือนกฎหมายปิดปาก"
"อย่างที่สองฝากไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องที่ถือกฎหมายทุกอัน อย่าลืมว่าในการใช้ชีวิตเราเป็นพุทธ ถ้าเราตัดสินคนบนอคติหรือบนหลักฐานที่ไม่ครบถ้วน แล้วก็ว่าช่างเขาให้เขาไปสู้ อย่าลืมนะว่าหมอไม่ใช่คุณหมอที่มีธุรกิจ แล้วหมอต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวแล้วยังจ่ายให้กับลูกน้องเพราะว่าเราต้องการดูแลลูกน้อง เหล่านี้ อย่างนี้มันจะกลับมาสะท้อนที่คนที่ละเว้นสิ่งที่ควรจะทำให้ถูกต้อง"
***********
ทั้งหมดนี้คือ บทสัมภาษณ์ของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่ให้กับสำนักข่าวอิศราล่าสุด
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า ปัจจุบันศาลยังไม่มีคำพิพากษาตัดสิน คุณหญิงพรทิพย์และผู้เกี่ยวข้องยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
บทสรุปผลการต่อสู้คดีในชั้นศาลจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องคอยติดตามดูกันอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง