
คำพิพากษาศาลฎีกาฯฉบับเต็ม! คดี‘ไชยรัตน์ ไทยเจียมอารีย์’ ผู้ได้รับเลือก สว. ระดับอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ถือหุ้น บมจ.อาร์เอส 22,000 หุ้น กิจการสื่อมวลชน คกก.สืบสวนทำโดยชอบ กม.กำหนดชัดถือหุ้นเดียวก็ไม่ได้ สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครฯ 10 ปี
วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายไชยรัตน์ ไทยเจียมอารีย์ ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เนื่องจากเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นายไชยรัตน์ยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 17 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภออำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมา ผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด หลังจากนั้นผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) จำนวน 22,000 หุ้น ซึ่งเป็นกิจการสื่อมวลชนใด ๆ ในวันสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา อันเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ข่าวเกี่ยวข้อง: เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ถือหุ้น บมจ.อาร์เอส)
ความเป็นมา ที่มาที่ไป ข้อต่อสู้ ข้อกล่าวหาของผู้คัดค้าน และ คำวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีนี้เป็นอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำคำพิพากษาฉบับเต็มมารายงาน
@เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม
คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 370/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 44/2568 วันที่ 15 เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นายไชยรัตน์ ไทยเจียมอารีย์ ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
(ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กำหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภากำหนดวันเลือกระดับอำเภอวันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัดวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้าน ยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 17 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภออำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด หลังจากนั้นผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) จำนวน 22,000 หุ้น ซึ่งเป็นกิจการสื่อมวลชนใด ๆ ในวันสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา อันเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริง ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือก เป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (3) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา รับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนใด ๆ กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และได้ถูกลบชื่อออกจากบัญชีรายชื่อผู้สมัครแล้ว จึงถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใดได้สมัครรับเลือก อันเป็นการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (3) มาตรา 20 วรรคสาม และมาตรา 74 ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
@ข้อให้ยกคำร้องอ้างไม่ให้โอกาสชี้แจง หลัง ขอเลื่อน 2 ครั้ง อ้างติดธุระ-ติดโควิด
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า เหตุที่ผู้คัดค้านไม่สามารถไปให้ถ้อยคำและแก้ข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 13.30 นาฬิกา ตามที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามกำหนด เนื่องจากผู้คัดค้านต้องเดินทางไปต่างจังหวัดซึ่งมีกำหนดเดินทางกลับในวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ผู้คัดค้านจึงโทรศัพท์แจ้งขอนัดหมายใหม่กับนางสาวมาริษา ติยะศิริ ประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 แต่หลังจากที่ผู้คัดค้านกลับจากต่างจังหวัด ผู้คัดค้านตัวร้อน มีไข้ขึ้นสูง อ่อนเพลีย ไม่มีเสียง และในช่วงเช้าของวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ผู้คัดค้านตรวจพบว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงให้ทนายความโทรศัพท์ติดต่อนางสาวมาริษา เพื่อขอขยายระยะเวลาการให้ถ้อยคำ ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ผู้คัดค้านรู้สึกดีขึ้น จึงรีบไปพบแพทย์ แพทย์มีความเห็นให้หยุดพักรักษาตัว 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ผู้คัดค้านจึงให้ทนายความติดต่อนางสาวมาริษาอีกครั้งเพื่อขอนัดหมายใหม่ แต่ปรากฏว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามได้สรุปสำนวนการไต่สวนเสนอต่อผู้ร้องแล้ว ผู้คัดค้านจึงไม่มีโอกาสได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและถือว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำ จังหวัดสมุทรสงครามไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ข้อ 54 วรรคสาม ข้อ 56 และข้อ 57 การที่ผู้คัดค้านไม่ได้ไป รับทราบข้อกล่าวหาเพราะเจ็บป่วยถือเป็นเหตุอันสมควร ผู้คัดค้านไม่ได้มีเจตนาที่จะละเลยไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหา การที่ผู้อำนวยการการเลือกประจำจังหวัดสมุทรสงครามไม่ให้โอกาสผู้คัดค้านชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ผู้คัดค้านแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสมุทรสงครามเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้อำนวยการการเลือกประจำจังหวัดสมุทรสงครามตามกฎหมายแล้ว คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพียงแนวบรรทัดฐานที่ใช้ในการวินิจฉัยคดีเท่านั้น ผู้คัดค้านไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดและเข้าใจโดยสุจริตว่าตนมีคุณสมบัติครบถ้วน และไม่มีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ขอให้ยกคำร้อง
@ซื้อหุ้น 2 ครั้ง ปี 2564 –2566 ขายออก พ.ค. 2567
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 17 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม โดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 2 หน้าที่ 14 และหน้าที่ 15 ว่า ผู้คัดค้านมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้ บริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโฆษณาและสื่อโฆษณาทุกชนิดในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโฆษณา รวมถึงประกอบกิจการผลิตและเผยแพร่สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ตามหนังสือรับรองบริษัท เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 19 หน้าที่ 73 ถึงหน้าที่ 79 ผู้คัดค้านเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) โดยซื้อหุ้นมาเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 จำนวน 20,000 หุ้น และซื้อเพิ่มเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 อีก 2,000 หุ้น รวม 22,000 หุ้น ผู้คัดค้านขายหุ้นของบริษัทดังกล่าวทั้งหมด ออกไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ตามหนังสือชี้แจงข้อมูลการถือครองหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 24 หน้าที่ 125 ถึงหน้าที่ 127 การดำเนินการไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงคราม ตลอดจนการแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องว่ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อยู่ภายใต้บังคับตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และ การวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 เอกสารหมาย ศ.1
@คณะกก.สืบสวนไต่สวน ระดับ จว. ทำตามระเบียบครบถ้วน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (3) อันจะถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามสรุปสำนวนการไต่สวนเสนอต่อผู้ร้องโดยไม่ให้โอกาสผู้คัดค้านชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ข้อ 54 วรรคสาม ข้อ 56 และข้อ 57 การไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น
เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามทางไต่สวนว่า ภายหลังประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ระดับจังหวัด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดจากหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติพบว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (3) เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนใด ๆ คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงมีคำสั่งให้ดำเนินการไต่สวนกรณีความปรากฏโดยไม่ต้องมีการตรวจมูลกรณีก่อน และมอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามเป็นเจ้าของสำนวนและดำเนินการไต่สวนโดยเร็ว ตามบันทึกข้อความ เรื่อง พิจารณาความปรากฏกรณีผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภากระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ตามเอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 13 หน้าที่ 49 และหน้าที่ 50 คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามโดยนางสาวมาริษา ติยะศิริ พยานผู้ร้องในฐานะประธานกรรมการสืบสวน และไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงคราม จึงจัดทำบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา (แบบ สตว.6) แนบไปพร้อมกับหนังสือขอเชิญผู้คัดค้านไปให้ถ้อยคำและแก้ข้อกล่าวหา ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ตามเอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 15 และลำดับ 16 หน้าที่ 52 ถึงหน้าที่ 56 ส่งไปยังภูมิลำเนาของผู้คัดค้านเพื่อแจ้งกำหนดวัน เวลา สถานที่ที่ให้ผู้คัดค้านในฐานะผู้ถูกกล่าวหาไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และแจ้งให้ผู้คัดค้านทราบถึงสิทธิที่จะแก้ข้อกล่าวหาโดยเข้ามาให้ถ้อยคำด้วยวาจาในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 หรือโดยทำเป็นหนังสือก็ได้ ซึ่งผู้คัดค้านให้การและเบิกความรับว่าได้รับบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงหนังสือขอเชิญมาให้ถ้อยคำดังกล่าวแล้ว ถือว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามได้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ข้อ 54 ครบถ้วนแล้ว
@ เลื่อนชี้แจงข้อกล่าวหา 2 ครั้ง - กกต.ให้โอกาส
ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามไม่ได้ให้โอกาสผู้คัดค้านเข้าให้ถ้อยคำและแก้ข้อกล่าวหานั้น
ทางไต่สวนได้ความว่า เมื่อนางสาวมาริษาพยานผู้ร้องได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากผู้คัดค้านว่าต้องเดินทางไปต่างจังหวัดไม่สามารถมาให้ถ้อยคำและแก้ข้อกล่าวหาด้วยวาจาในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 ตามที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามกำหนดไว้ได้ และประสงค์ขอเลื่อนการเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปเป็นวันที่ 28 มิถุนายน 2567 แทน พยานก็ให้เลื่อนวันนัด ออกไปเป็นวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ตามที่ผู้คัดค้านประสงค์ ครั้นถึงวันนัดที่เลื่อนมา พยานได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นทนายความของผู้คัดค้านว่า ผู้คัดค้านป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พยานในฐานะประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามจึงจัดทำรายงานเหตุขัดข้องเพื่อขออนุมัติขยายระยะเวลาการไต่สวนออกไปถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ตามบันทึกข้อความ ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ซึ่งได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการไต่สวน ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ตามเอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 25 หน้าที่ 129 ถึงหน้าที่ 132 แสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามให้โอกาสแก่ผู้คัดค้าน เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาโดยขยายระยะเวลาการชี้แจงแสดงหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาออกไปตามที่เห็นสมควรตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และ การวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ข้อ 57 วรรคสอง แล้วถึง 2 ครั้ง ประกอบกับทางไต่สวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอันน่าเชื่อถือว่าหลังวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ผู้คัดค้านได้ติดต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามเพื่อขอกำหนดวันเข้าไปให้ถ้อยคำ และแก้ข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ส่วนที่อ้างว่าได้ให้ทนายความโทรศัพท์ติดต่อกับนางสาวมาริษานั้นก็ ไม่ปรากฏว่านายสมภพ นนทผล พยานผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นทนายความของผู้คัดค้านได้ขอให้นางสาวมาริษา กำหนดวันที่ผู้คัดค้านเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในวันใดเช่นเดียวกัน ทั้งตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ข้อ 57 วรรคหนึ่ง ให้สิทธิผู้คัดค้านทำหนังสือชี้แจงแสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาโดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาให้ถ้อยคำด้วยตนเอง ซึ่งในระหว่างนั้น ผู้คัดค้านมีทนายความแล้ว บุคคลที่อ้างว่าเป็นทนายความของผู้คัดค้าน ย่อมมีโอกาสที่จะให้คำปรึกษาแก่ผู้คัดค้านเพื่อทำหนังสือชี้แจงแสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาได้ ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามให้โอกาสเลื่อนกำหนดนัดชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาออกไปตามที่ ผู้ถูกกล่าวหาประสงค์มาโดยตลอด ผู้คัดค้านจึงมีระยะเวลาเพียงพอที่จะทำหนังสือชี้แจงแสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาได้ เมื่อผู้คัดค้านไม่เข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หรือมีหนังสือชี้แจงแสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหา คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงครามจึงมีอำนาจดำเนินการไต่สวนต่อไปได้ ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ข้อ 56 การที่คณะกรรมการสืบสวน และไต่สวนประจำจังหวัดสมุทรสงคราม ทำการไต่สวนนางสาวมนัสนันท์ วิทนา ผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม และนายบัณฑูร นริศรางกูร คณะกรรมการระดับอำเภอและผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ตลอดจน รวบรวมพยานหลักฐานจากหน่วยงานและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) และ ตรวจสอบข้อมูลการถือครองหลักทรัพย์บริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) ของผู้คัดค้านจนแล้วเสร็จ จึงสรุปสำนวนทำรายงานการไต่สวนเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งผ่านผู้อำนวยการการเลือก ประจำจังหวัดสมุทรสงครามเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 จึงเป็นการดำเนินการสืบสวนและไต่สวนที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ข้อต่อสู้ของ ผู้คัดค้านในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น
@กม.บัญญัติ ถือหุ้นสื่อหุ้นเดียวก็ไม่ได้
ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพียงบรรทัดฐานที่ใช้ในการวินิจฉัยคดี ผู้คัดค้านไม่มีเจตนาและเข้าใจโดยสุจริตว่าตนมีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภานั้น
เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบจากพาณิชย์จังหวัดสมุทรสงคราม นายทะเบียนหลักทรัพย์ ประธานกรรมการ บริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 19 ถึงลำดับ 24 หน้าที่ 64 ถึงหน้าที่ 128 ระบุว่า ผู้คัดค้านถือหุ้นในบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกิจการสื่อมวลชนใด ๆ โดยผู้คัดค้าน ซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2564 จำนวน 20,000 หุ้น และซื้อหุ้นเพิ่ม เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 อีก 2,000 หุ้น รวมเป็น 22,000 หุ้น ตั้งแต่ก่อนที่ผู้คัดค้านจะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และผู้คัดค้านยังคงถือหุ้นดังกล่าวอยู่ในวันที่ยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ก่อนที่จะทำการขายหุ้นทั้งหมดออกไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 หลังจากยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้ว ซึ่งผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านและเบิกความยอมรับข้อเท็จจริงนี้ เมื่อตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 บัญญัติว่า
“ผู้สมัครต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (1) ... (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ” โดยมิได้บัญญัติระบุจำนวนหุ้น ทั้งไม่ได้บัญญัติว่าผู้ที่ถือหุ้นดังกล่าวต้องถือหุ้นจนถึงขนาดมีอำนาจบริหารงานหรือสามารถครอบงำกิจการได้ ดังนั้นการถือหุ้นแม้เพียงหุ้นเดียวย่อมเป็นการถือหุ้นตามความหมายแห่งบทบัญญัติมาตรานี้แล้ว เมื่อบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์และประกอบกิจการสื่อมวลชน ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (3) แม้ผู้คัดค้านไม่มีเจตนาและเข้าใจโดยสุจริตว่าตนมีคุณสมบัติครบถ้วน และมีสิทธิสมัครรับเลือกก็ตาม แต่การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีลักษณะต้องห้ามยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา รับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 7 หน้าที่ 18 ถึงหน้าที่ 20 ด้วยตนเองว่า ไม่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กรณีย่อมถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายไชยรัตน์ ไทยเจียมอารีย์ ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา.


ข่าวคดีรายอื่นก่อนหน้า
ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ‘ธานนท์’ ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอสิชล ต้องคดีค้ายา (1)
ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอกทรัพย์ (2)
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.อำเภอ จ.สระแก้ว มีประวัติทุจริตเลือกตั้ง (3)
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นราธิวาส มีประวัติลักทรัพย์ (4)
เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.มหาสารคาม มีประวัติเจ้ามือเล่นพนัน(5)
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ยะลา เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น(6)
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.สมุทรสาคร ถือหุ้นบมจ.อาร์เอส (7)
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.อ่างทอง ต้องคดีค้ายาเสพติด (8)
ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.ตราด ถูกจำคุกคดีเจ้ามือไพ่รัมมี่ (9)
ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นนทบุรี เคยจำคุกคดีหมิ่นประมาท (10)
ศาลฎีกาฯพิพากษาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.พัทลุง ถือหุ้นสื่อ อสมท (11)
เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ กําแพงเพชร มีประวัติเรียกรับทรัพย์สิน (12)
เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี ลงสมัครคราวเดียว‘ลูกสาว’ (13)
ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี ลงสมัครคราวเดียว‘สามี’ (14)
รายที่ 2! เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี สมัครคราวเดียว‘สามี’ (15)
ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปีผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับอ.เมืองเพชรบูรณ์ สมัครคราวเดียวเมีย (16)
