ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 9 อ่านคำพิพากษาลงโทษจำคุกอดีต ผอ.ศูนย์เทคโนโลยี ศอ.บต. 5 ปี คดีทุจริตเรียกรับสินบนติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์ 6 สัญญา มูลค่าโครงการกว่าพันล้านบาท ส่วนภรรยาเจอ 3 ปี 4 เดือน ฐานเป็นผู้สนับสนุน บริษัทเอกชนพร้อมกรรมการโดนด้วย ไม่รอลงออาญา เหตุไม่สำนึกถึงความผิด ข้ออ้างโอนเงินกว่า 6 แสนผ่านบัญชีคู่สมรสเพราะซื้อผ้าไหม ฟังไม่ขึ้น
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.66 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 อ่านคำพิพากษา คดีอาญา หมายเลขดำที่ อท 34/2566 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 124/2566 ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ นายพิทยา รัตนพันธ์ จำเลยที่ 1 นางศลิษา รัตนพันธ์ จำเลยที่ 2 บริษัท แสงมิตร อีเลคตริค จำกัด จำเลยที่ 3 นางอุรุวัลย์ ฤดีพิพัฒนพงศ์ จำเลยที่ 4 เรื่องความผิดต่อเจ้าพนักงาน, ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ (พ.ร.บ. ป.ป.ช.)
โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่งนายช่างไฟฟ้าอาวุโส ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ประกอบมาตรา 192 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา โดยคำสั่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ 510/2557 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2557 และคำสั่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ 577/2559 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2559
จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ศอ.บต. มีอำนาจหน้าที่บังคับบัญชา กำกับดูแล การปฏิบัติงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ขณะจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนั้น ศอ.บต. มอบหมายให้ศูนย์ฯ ซึ่งจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ รับผิดชอบโครงการติดตั้งเสาไฟฟ้าพร้อมโคมส่องสว่างแบบโซลาร์เซลล์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 6 โครงการ ตั้งแต่ปี 2557 ต่อเนื่องถึงปี 2560 มีอำนาจหน้าที่ขออนุมัติโครงการ แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดคุณลักษณะ คณะกรรมการกำหนดราคากลาง รายงานผลการจัดจ้าง รายงานผลการตรวจรับ และการขออนุมัติเบิกจ่ายเงินโครงการดังกล่าวให้แก่ผู้รับจ้าง
จำเลยที่ 2 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 4 และ นางนวรัตน์ ฤดีพิพัฒนพงศ์ เป็นกรรมการของบริษัท มีอำนาจลงนามผูกพันจำเลยที่ 3
ศอ.บต.ดำเนินโครงการติดตั้งเสาไฟฟ้าพร้อมโคมส่องสว่างแบบโซลาร์เซลล์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 6 โครงการดังกล่าว โดยมอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่จำเลยที่ 1 รับผิดชอบ
โครงการที่ 1 โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งชุดโคมส่องสว่างถนนแบบโซลาร์เซลล์ตามถนนในพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ปีงบประมาณ พ.ศ.2557 วงเงิน 126 ล้านบาท
โครงการที่ 2 โครงการติดตั้งเสาไฟฟ้าพร้อมโคมส่องสว่างโซลาร์เซลล์ในศาสนสถานที่ฝังศพ เผาศพ (กุโบร์/สุสานจีน/ฌาปนสถาน) พื้นที่หมู่บ้านเร่งรัดการพัฒนาและหมู่บ้านเสริมสร้างการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 871 แห่ง แห่งละ 4 ชุด รวม 3,484 ชุด งบประมาณปี พ.ศ.2558 วงเงิน 219,492,000 บาท
โครงการที่ 3 โครงการสนับสนุนการติดตั้งโคมไฟฟ้าส่องสว่างถนนแบบโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส 51 แห่ง 3,365 ชุด งบประมาณปี พ.ศ. 2558 วงเงิน 212,000,000 บาท
โครงการที่ 4 โครงการติดตั้งโคมไฟถนน LED ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อความมั่นคงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส จังหวัดละ 500 ชุด รวม 1,500 ชุด งบประมาณปี พ.ศ. 2558 วงเงิน 94,500,000 บาท โดยว่าจ้างจำเลยที่ 3 เป็นผู้รับจ้าง
โครงการที่ 5 โครงการติดตั้งโคมไฟส่องสว่างด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมหลอดประหยัดพลังงานชนิด LED เพื่อความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส 36 ตำบล รวมอุปกรณ์ 4,500 ชุด วงเงิน 269,100,000 บาท
โครงการที่ 6 โครงการติดตั้งโคมไฟส่องสว่างแบบโซลาร์เซลล์ ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ทำสัญญาแยกตามรหัสงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ 31 สัญญา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 86,924,500 บาท
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
ระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 มอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งมีจำเลยที่ 1 รับผิดชอบโครงการ และจำเลยที่ 3 ผู้รับจ้างโครงการที่ 4 จำเลยที่ 1 เรียกรับเงิน 130,000 บาท จากจำเลยที่ 3 และที่ 4 สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งตามอำนาจหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้รับคัดเลือกเป็นผู้รับจ้างดำเนินงานโครงการที่ 4
โดยจำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันให้เงิน 130,000 บาท แก่จำเลยที่ 1 เพื่อจูงใจให้จำเลยที่ 1 กระทำการ ไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ให้ประโยชน์หรือให้ความช่วยเหลือแก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้เป็นผู้รับจ้างดำเนินงานโครงการที่ 4 โดยจำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันออกเช็คเงินสดของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ลงชื่อจำเลยที่ 4 กรรมการผู้จัดการ จำเลยที่ 3 ผู้สั่งจ่าย โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขายะลา ชื่อบัญชี จำเลยที่ 2 เป็นเงิน 130,000 บาท
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันเบิกถอนเงินเป็นของตนเองโดยทุจริต จำเลยที่ 2 กระทำความผิดเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เรียกรับเงิน 130,000 บาท จากจำเลยที่ 3 และที่ 4 สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ศอ.บต. ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามหน้าที่โดยมิชอบ ละเว้นไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและคำสั่งของทางราชการ และโดยทุจริตแสวงประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ร่วมกันกระทำความผิดเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิดเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนราชการ ศอ.บต. กระทรวงมหาดไทย ประชาชน และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
และจำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันให้ทรัพย์สินแก่จำเลยที่ 1 เพื่อจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558 เวลากลางวันต่อเนื่อง จำเลยที่ 1 มอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ และจำเลยที่ 3 ผู้รับจ้างโครงการที่ 4 จำเลยที่ 1 เรียกรับเงิน 472,500 บาท จากจำเลยที่ 3 และที่ 4 สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งตามอำนาจหน้าที่ ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้รับคัดเลือกเป็นผู้รับจ้างดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ตกลงร่วมกันให้เงิน 472,500 บาท แก่จำเลยที่ 1 เพื่อจูงใจให้จำเลยที่ 1 กระทำการ ไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ให้ประโยชน์หรือให้ความช่วยเหลือแก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้เป็นผู้รับจ้างดำเนินงานโครงการดังกล่าว จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันออกเช็คเงินสด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ลงชื่อจำเลยที่ 4 กรรมการผู้จัดการจำเลยที่ 3 ผู้สั่งจ่าย ลงวันที่ 31 มีนาคม 2558 โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขายะลาชื่อบัญชี จำเลยที่ 2 เป็นเงิน 472,500 บาท
วันที่ 31 มีนาคม 2558 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันเบิกถอนเงินเป็นของตนเองโดยทุจริต จำเลยที่ 2 กระทำความผิดเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงิน 472,500 บาท จากจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ศอ.บต.ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามหน้าที่โดยมิชอบ ละเว้นไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและคำสั่งของทางราชการ และโดยทุจริตแสวงประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ร่วมกันกระทำความผิดเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิดเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนราชการ ศอ.บต. กระทรวงมหาดไทย ประชาชน และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และจำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันให้ทรัพย์สินแก่จำเลยที่ 1 เพื่อจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เหตุเกิดที่ ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และแขวงอรุณเอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน ขอให้ศาลลงโทษ
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ 1 ใช้อำนาจควบคุมกำกับให้กิจการที่ได้รับมอบหมายเป็นไปตามขั้นตอนจนบรรลุวัตถุประสงค์ และมีคณะกรรมการในการปฏิบัติงานตามขั้นตอนทุกประการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ จำเลยที่ 1 จึงไม่สามารถที่จะแทรกแซง ใช้หรือบังคับให้ผู้ใดกระทำความผิดได้
จำเลยที่ 2 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ประกอบอาชีพขายผ้าไหม จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่มีความจำเป็นหรือมูลเหตุใดที่จะต้องให้ทรัพย์สินแก่จำเลยที่ 1 เพราะการจัดหาผู้รับจ้างเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการทั่วไปสามารถเข้าเสนอราคาได้โดยไม่ปิดกั้น กระบวนการจัดจ้างทุกขั้นตอนโปร่งใสถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่ม
ส่วนที่จำเลยที่ 4 กรรมการจำเลยที่ 3 โอนเงินให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 จำนวน 130,000 บาท และวันที่ 31 มีนาคม 2558 จำนวน 472,500 บาท รวม 602,500 บาท นั้น เป็นการชำระค่าผ้าไหมให้แก่จำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 (เดิม) และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 /1 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) มาตรา 149 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 /1 ประกอบ ป.อาญา มาตรา 86
และจำเลยที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 144 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และ ป.อาญา มาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อาญา มาตรา 149 (เดิม) ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตาม ป.อาญา มาตรา 149 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อาญา มาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อาญา มาตรา 90
จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี
จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน
ปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 100,000 บาท
และจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี
พฤติการณ์แห่งคดีและสภาพความผิดทำให้ราชการได้รับความเสียหายร้ายแรง และจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธต่อสู้คดีตลอดมาโดยไม่รู้สึกสำนึกถึงความผิด จึงไม่สมควรรอการลงโทษ
---------------------------
ขอบคุณ: เนื้อข่าวจากทีมข่าวศาลและกระบวนการยุติธรรม เนชั่นทีวี