ฮิวแมนไรท์วอทช์ ออกแถลงการณ์ประณามกรณีกลุ่มบีอาร์เอ็นวางระเบิดและเผาที่พักคนงานก่อสร้างรูปปั้นองค์เจ้าแม่กวนอิมใหญ่ที่สุดในโลก ในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา จนทำให้มีแรงงานได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันพุธที่ 20 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ขณะที่กระแสประชาชนในพื้นที่ยืนกรานไม่เกี่ยวปมศาสนา
แถลงการณ์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ (HRW) ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการก่อเหตุต่อศาสนสถานนอกศาสนาอิสลามครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศห้ามการโจมตีพลเรือน หรือทรัพย์สินของพลเรือน รวมไปถึงศาสนาสถาน และสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม โดยตั้งแต่ปี 2547-2562 มีพระสงฆ์อย่างน้อย 23 รูปมรณภาพ และกว่า 20 อาพาธจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
น.ส.เอเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า การวางระเบิดโจมตีคนงานก่อสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิม เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และนับเป็นอาชญกรรมสงคราม กลุ่มผู้ก่อเหตุควรต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมครั้งนี้
“บีอาร์เอ็นและกลุ่มก่อความไม่สงบอื่นจำเป็นต้องหยุดการโจมตีพลเรือนทันที ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐเองก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงนี่เป็นทางเดียวที่จะช่วยให้คนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ออกจากสถานการณ์ความไม่สงบที่ดำเนินมาแล้วกว่า 20 ปี” น.ส.เพียร์สัน ระบุ
@@ คนพื้นที่ประสานเสียง บึ้มแคมป์สร้างเจ้าแม่ฯ ไม่เกี่ยวศาสนา
อีกด้านหนึ่ง “ทีมข่าวอิศรา” ได้ลงพื้นที่หยั่งเสียงพี่น้องประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ ในลักษณะสุ่มสัมภาษณ์ โดยเป็นคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรากฏว่าเกือบทั้งหมดไม่เชื่อว่าการก่อเหตุรุนแรงรอบนี้ มีความมุ่งหมายไปที่ประเด็นความต่างทางศาสนา แม้ว่าโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิมขนาดมหึมาจะเคยถูกชุมนุมต่อต้านจากพี่น้องมุสลิมก็ตาม
นางสาวฮายาตี เจะมะ ชาวจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ใครทำให้เกิดระเบิดที่ก่อสร้างรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม อันนี้ไม่รู้ แต่มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องศาสนาแน่นอน แม้การคัดค้านจะมีมาตลอดเพราะไม่อยากให้สร้าง ส่วนตัวก็ค้าน แต่ที่นี่คือเมืองพหุวัฒนธรรม คนพุทธ มุสลิม จีน อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่เหมาะสมที่จะสร้างรูปปั้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันสามารถสร้างได้ แต่ไม่ควรมาสร้างในสามหรือสี่จังหวัดนี้ อยากให้หลายๆฝ่ายเข้าใจ
นายอาหามะ (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านในอำเภอจะนะ จ.สงขลา กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันห่างไกลจากเรื่องศาสนามาก ไม่เกี่ยวเลย ยอมรับว่าคนส่วนมากค้านโครงการนี้ แต่มันไม่ถึงขนาดต้องไปทำลายด้วยระเบิด
“คนที่นี่รักสันติ คัดค้านแบบสันติมาตลอด ทั้งยื่นหนังสือขอความร่วมมือ ละหมาดขอดุอา มั่นใจว่าไม่มีใครคิดเลยว่ามันจะมาถึงจุดนี้ ที่ผ่านมาทุกคนคัดค้านอย่างสันติมาตลอดอย่างที่เห็นๆ กัน ขออย่าได้โยง เรื่องศาสนาเลย”
ด้าน นายโชติชัย (ขอสงวนนามสกุล) ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ส่วนตัวมั่นใจ เหตุระเบิดที่ก่อสร้างรูปปั้นเจ้าแม่ฯ ไม่เกี่ยวศาสนา ขออย่าไปโยงเรื่องศาสนาเลย สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับศาสนา แต่ใครทำไม่รู้
“เชื่อว่าเป็นฝีมือของคนที่มีความคิดต่างที่เป็นคนทำ เขาเป็นกลุ่มขบวนการในพื้นที่ ขบวนการที่สร้างสถานการณ์อยู่ในสามจังหวัด ทำให้คนทุกศาสนาได้รับความเดือดร้อนมาตลอด 20 ปี คนที่นี่เราอยู่อย่างสงบ พึ่งพากัน มีอะไรแลกเปลี่ยนกัน ไม่มีปัญหาเลย”
“ส่วนคนที่ค้านการก่อสร้าง ก็มั่นใจว่าเขาไม่คิดที่จะใช้วิธีนี้มาทำลายแน่นอน ที่นี่เป็นเมืองพหุวัฒนธรรม รัฐบาล ภาครัฐ ก็พูดอยู่ อยากให้เข้าใจคนพื้นที่ ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยที่จะสร้าง เพราะที่นี่เมืองพหุวัฒนธรรม แต่คนที่สร้างไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”
ด้าน นางเสาวณี (สงวนนามสกุล) ชาวไทยพุทธในจังหวัดยะลา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะสร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ในเมืองพหุวัฒนธรรม ไม่แปลกที่เขาจะออกมาคัดค้าน
“แต่ส่วนตัวก็ไม่เชื่อเลยว่า คนที่ค้านจะใช้ความรุนแรง เพราะอิสลามเขารักสันติ ระเบิดที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกันศาสนาแน่นอน มันเป็นความขัดแย้งเรื่องอื่นมากกว่า”
ด้านอดีตทหารระดับสูงรายหนึ่ง กล่าวว่า “ปัญหาสามจังหวัดที่เกิดขึ้นนั้น ขอตอบในฐานะคนที่เคยอยู่ในงานความมั่นคงและงานพัฒนามาตลอด ไม่มีเหตุไหนที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดที่เกี่ยวโยงศาสนาเลย เหตุระเบิดที่เทพาก็เช่นเดียวกัน”