ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ฮามาส” ใช้วิธีจับตัวประกันในการเพิ่มอำนาจต่อรอง
ไม่เพียงเหตุรุนแรงในย่านการค้าสำคัญกลางกรุงเทพฯที่ช็อกคนไทยทั้งประเทศเท่านั้น แต่เหตุรุนแรงที่ชายแดนใต้ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาเกือบ 20 ปีเต็มแล้ว ปรากฏว่าช่วงนี้มีเหตุถี่ยิบทุกวัน
เปิดสถิติคดีออนไลน์ 16 เดือนรับแจ้งความแล้วกว่า 3 แสนคดี มูลค่าความเสียหายรวม 4 หมื่นล้านบาท แก๊งคอลเซ็นเตอร์ติด 1 ใน 5 ที่มีการแจ้งความมากที่สุด แผ่อิทธิพลไม่เว้นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลาออกโรงเตือน เหตุมีชาวบ้านร้องเรียนตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพเดือนละไม่ต่ำกว่า 10 ราย
เป็นที่น่าสังเกตว่า “รัฐบาลเศรษฐา 1” เดินหน้าขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไป ทั้งๆ ที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษทั้งหมดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทันที ถ้าเข้ามามีอำนาจเป็นรัฐบาล
รุ่นใหญ่ทำฮือฮา “อดีตประธานฯชวน” ลุกขึ้นอภิปรายแนะ “เศรษฐา” ใช้หลักนิติธรรมแก้ปัญหาชายแดนใต้ อย่าทำผิดซ้ำ “8 เม.ย.2544” ต้นเหตุความรุนแรงยืดเยื้อมาจนทุกวันนี้ ด้านนายกฯแจง 11 พรรคร่วมฯให้ความสำคัญแก้ปัญหาไฟใต้ อีกด้าน “รุ่นใหม่” ก็ไม่น้อยหน้า สส.นราฯ ภูมิใจไทย ขนลองกองตันหยงมัสพันกล่องแจกทั้งสภา
ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ จำนวน 762 นาย ณ วันที่ 30 ส.ค.66 ให้มีผลวันที่ 1 ต.ค.66
ใกล้ครบ 1 เดือนโศกนาฏกรรมโกดังพลุระเบิดที่ตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
จากเหตุการณ์คนร้ายขับรถยนต์เก๋งประกอบระเบิดเป็น “คาร์บอมบ์” จอดทิ้งกลางสี่แยกอรกานต์อย่างอุกอาจ
เหตุระเบิดโกดังเก็บประทัดในตลาดมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้ประชาชน จำนวน 200 ครัวเรือนได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตัวเลขล่าสุดจำนวน 118 ราย เสียชีวิต 10 ราย
เรื่องหนึ่งที่พรรคการเมืองหลายพรรคพูดกันเยอะมากในช่วงของการรณรงค์หาเสียง โดยเฉพาะฝั่งพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล คือ นโยบายถอนทหารพ้นชายแดนใต้