หลังจากที่รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแนวทางที่จะยุติความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการตกลงพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ “อย่างเปิดเผย” ภายใต้กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข
เหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง กับเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ล่าสุด เมื่อช่วงสายของวันที่ 30 มิ.ย.67 ที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา ซึ่งตั้งอยู่หลังบ้านพักตำรวจ สภ.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา
แม้จะยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก.ว่า เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งๆ ที่อยู่ในความดูแลของตำรวจน้ำ เป็นของ ”เสี่ยโจ้ ปัตตานี“ จริงหรือไม่
แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมาย กยศ.ฉบับใหม่ บังคับใช้มากกว่า 1 ปีแล้ว
ศพฐ.10 เผยผลตรวจปืน 5 กระบอกที่ตรวจยึดจากเหตุวิสามัญฯ คนร้าย 2 ศพในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง พบอาวุธปืน 3 ใน 5 ถูกใช้ก่อเหตุรวม 13 คดี วนเวียนอยู่ในพื้นที่ 5 อำเภอของปัตตานี
ทีมข่าวอิศรา สรุปเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายอ จนถึงวันที่ 29 เมษายน มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งหมด 15 เหตุการณ์ แยกเป็นเหตุลอบยิง 11 เหตุการณ์ ระเบิด 3 เหตุการณ์ และปฏิบัติการทั้งยิงและระเบิด 1 เหตุการณ์ คือเหตุการณ์ที่สุไหงโก-ลก
เหตุการณ์คนร้ายบุกเผาโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เมื่อกลางดึกของค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 25 เม.ย.67 จนโรงไฟฟ้าและทรัพย์สินอื่นเกิดความเสียหาย สร้างความตกตะลึงไปทั่วนั้น
แม้จะอยู่ในช่วงวันหยุดรายอ เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหตุที่คนร้ายมุ่งเป้าไปยังตัวบุคคลที่เป็นกำลังพลของฝ่ายรัฐ เช่น ทหารที่อยู่ระหว่างลาพักในเทศกาลวันหยุด เพื่อกลับบ้านมาอยู่กับคนในครอบครัว
วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ของคนไทยในทุกภูมิภาคปีนี้ เป็นวันหยุดต่อเนื่องจากเทศกาลฮารีรายอของพี่น้องมุสลิม โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้พอดี
ผ่านมาแล้ว 5 วันกับเหตุการณ์สลด จ่อยิงทหารพรานหญิงกลางตลาดดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ต่อหน้าลูกน้อยถึง 2 คน