คลัสเตอร์มัรกัสยะลายังพุ่งไม่หยุด กระจายครอบคลุม 12 จังหวัดใต้ ติดเชื้อแล้ว 190 ราย ภูเก็ตผวาพบนักเรียนมัรกัส 3 ราย ติดเชื้อสายพันธุ์เบต้าแอฟริกา ด้าน อ.เบตง ย้ายสถานที่กักตัวเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนาม หลังผู้ติดเชื้อพุ่ง
วันอาทิตย์ที่ 20 มิ.ย.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดสงขลา ยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ "คลัสเตอร์มัรกัสยะลา" ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้เท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายเชื้อไปอีกหลายจังหวัดทั่วภาคใต้ เนื่องจากหลังการปิดมัรกัส โรงเรียนตะฟิตห์มัรกัส จ.ยะลา ได้ให้นักเรียนกว่า 500 คนเดินทางกลับภูมิลำเนาไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งนักเรียนเหล่านั้นบางส่วนติดเชื้อไปแล้ว
ล่าสุดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา รายงานว่า ขณะนี้คลัสเตอร์มัรกัสยะลา มีการแพร่เชื้อโควิด-19 ไปกว่า 12 จังหวัดในภาคใต้ รวมทั้งหมดเป็นจำนวน 190 ราย แยกเป็นแต่ละจังหวัดดังนี้ จ.ยะลา 69 ราย, จ.ปัตตานี 14 ราย, จ.นราธิวาส 13 ราย, จ.สงขลา 17 ราย, จ.สตูล 37 ราย, จ.พัทลุง 4 ราย, จ.ตรัง 3 ราย, จ.กระบี่ 14 ราย, จ.สุราษฎร์ธานี 8 ราย. จ.พังงา 5 ราย. จ.ภูเก็ต 3 ราย และ จ.นครศรีธรรมราช 3 ราย
สาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งไปยังครอบครัวและตัวนักเรียนที่เดินทางกลับจากโรงเรียนสอนศาสนาตะฟิตห์มัรกัสยะลา ขอให้นักเรียนและบุคคลในครอบครัว ตลอดจนผู้สัมผัสใกล้ชิดรีบเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่โดยด่วน อาทิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ไม่ให้ลุกลาม
พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือผู้ไปรายงานตัว ต้องให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ให้มากที่สุด ไม่ปกปิดประวัติไทม์ไลน์ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้จำกัดวงการแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว หากพบว่าไม่ไปรายงานตัวหรือมีการปกปิดข้อมูล จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
@@ คลัสเตอร์มัรกัสยะลาบุกภูเก็ต พบโควิดสายพันธุ์เบต้าแอฟริกา
สถานการณ์การแพร่กระจายเชื้อจาก "คลัสเตอร์มัรกัสยะลา" ยังคงวิกฤติ เพราะมีรายงานยืนยันผลตรวจจากห้องแล็บว่า เชื้อโควิดจากคลัสเตอร์นี้ เป็นสายพันธุ์เบต้าแอฟริกา
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้จังหวัดที่พบเชื้อแล้วต้องเร่งมาตรการควบคุมโรคมากขึ้น อย่างกรณีของ จ.กระบี่ หลังจากที่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิดจากมัรกัสยะลาในพื้นที่ ทำให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ต้องออกหนังสือด่วนแจ้งไปยังอำเภอต่างๆ ว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกามาจากมัรกัสยะลา และให้เร่งหาตัวนักเรียนและกลุ่มบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเข้าตรวจหาเชื้อและกักตัวเป็นการด่วน
ขณะที่ จ.ภูเก็ต มีแพทย์หญิงคนหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า คลัสเตอร์ที่มาจากโรงเรียนประจำใน จ.ยะลา ได้กระจายถึงภูเก็ต มีการตรวจพบว่าเป็นสายพันธุ์เบต้าแอฟริกา พร้อมตั้งคำถามว่างหวัดอื่นได้ตรวจบ้างหรือยัง เพราะตอนนี้กระจายไปหลายจังหวัดทางภาคใต้ รวมทั้งพังงาเพื่อนบ้านของภูเก็ต
สำหรับสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) เริ่มพบในประเทศไทยที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) แพร่กระจายเชื้อไม่เร็วเท่าสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) และสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดในพื้นที่ชุมชน ก็จะยากต่อการควบคุมไม่แพ้กัน
@@ สสจ.ภูเก็ต ยืนยันส่ง รพ.แล้ว "3 นร.คลัสเตอร์มัรกัสยะลา"
ด้าน นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของ จ.ภูเก็ต สรุปว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดยังมีจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อไม่มาก โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อตัวเลขหลักเดียว ซึ่งยังเป็นคลัสเตอร์เดิม คือ "คลัสเตอร์พูนผล" กับ "คลัสเตอร์ตลาดเกษตร" รวมทั้งยังตรวจพบเชื้อในกลุ่มของนักเรียนที่มาจาก จ.ยะลา จำนวน 3 ราย ได้นำตัวเข้ารับการรักษาแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ได้มีการลงสอบสวนโรคแล้วเช่นกัน ตลอดจนการตรวจสอบว่าเป็นเชื้อชนิดใดด้วย
สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์มัรกัสยะลา ของ จ.ภูเก็ต พบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นนักเรียนจากโรงเรียนสอนศาสนา จ.ยะลา ที่เดินทางกลับมาบ้านที่ภูเก็ต จำนวน 3 คน ซึ่งขณะนี้ได้นำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว
@@เบตงย้ายสถานที่กักตัวเปลี่ยนเป็น รพ.สนาม หลังติดเชื้อเพิ่มขึ้น
นายสกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง พร้อมด้วย นายพิชัย แก้วจำรัส ปลัดอำเภอเบตง ได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับประชาชน ชุมชมกือติง ชุมชนบูเก็ตตักโกร และชุมชนกุนุงจนอง ในการปิดชุมชนทั้ง 3 ชุมชน ถึงเหตุผลความจำเป็น ไม่ให้คนในชุมชนและคนนอกชุมชนเดินทางเข้า-ออก เป็นเวลา 14 วันตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.64 - 3 ก.ค.64 เพื่อเป็นการหยุดเชื้อโควิด-19 ไม่ให้แพร่ระบาด
นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง กล่าวว่าา ขณะนี้ได้ย้ายอุปกรณ์และปรับเปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติการศูนย์กักตัว LQ ของเทศบาลเมืองเบตง จากสถานีขนส่งเบตง มาที่อาคารสถาบันนานาชาติเทศบาลเมืองเบตง เพราะจากสถานที่เดิมจะปรับเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น
@@ "นิพนธ์" ส่งตัวแทนมอบของบรรเทาความเดือนร้อนชาวบ้าน
วันเดียวกันนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ตัวแทนและคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ในพื้นที่ ต.ประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา และ ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายต่างได้ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว สำหรับสิ่งของที่นำไปมอบให้ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นในการดำรงชีวิต
@@ โควิดชายแดนใต้ สงขลา-นราฯ 108 ราย ปัตตานี 80 ยะลา 59
ด้านรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 มิ.ย.64 มีดังนี้
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 80 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,178 ราย รักษาหายแล้ว 395 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 2 ราย
ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 59 ราย โรงพยาบาลสนามหนึ่ง 56 ราย โรงพยาบาลสนามสอง 96 ราย โรงพยาบาลสนามสี่ 255 ราย โรงพยาบาลสนามที่ห้า 98 ราย โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี 24 ราย โรงพยาบาลโคกโพธิ์ 10 ราย โรงพยาบาลหนองจิก 1 ราย โรงพยาบาลยะรัง 3 ราย โรงพยาบาลยะหริ่ง 1 ราย โรงพยาบาลไม้แก่น 7 ราย โรงพยาบาลสิโรรส 22 ราย อยู่ระหว่างพิจารณาแอดมิท 142 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) 2 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 419 ราย, อ.หนองจิก 226 ราย, อ.โคกโพธิ์ 30 ราย, อ.ยะหริ่ง 163 ราย, อ.สายบุรี 69 ราย, อ.ไม้แก่น 28 ราย, อ.แม่ลาน 16 ราย, อ.ยะรัง 96 ราย, อ.ปะนาเระ 42 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 8 ราย, อ.มายอ 27 ราย และ อ.กะพ้อ 42 ราย
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 59 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 801 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 424 ราย รักษาหายแล้ว 371 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 6 ราย อยู่ระหว่างรอผล 2,669 ราย
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 424 ราย แยกเป็น โรงพยาบาลยะลา 119 ราย โรงพยาบาลเบตง 58 ราย โรงพยาบาลรามัน 28 ราย โรงพยาบาลยะหา 53 ราย โรงพยาบาลบันนังสตา 26 ราย โรงพยาบาลธารโต 1 ราย โรงพยาบาลกรงปินัง 1 ราย และโรงพยาบาลสนาม 138 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 238 ราย, อ.กรงปินัง 85 ราย, อ.เบตง 74 ราย, อ.รามัน 65 ราย, อ.บันนังสตา 106 ราย, อ.กาบัง 19 ราย อ.ธารโต 126 ราย และ อ.ยะหา 88 ราย
จ.นราธิวาส มีผู้ป่วยรายใหม่ 108 ราย ในพื้นที่ อ.บาเจาะ 8 ราย อ.รือเสาะ 5 ราย อ.ศรีสาคร 1 ราย อ.เมือง 29 ราย อ.ตากใบ 2 ราย อ.จะแนะ 14 ราย อ.ยี่งอ 8 ราย อ.ระแงะ 28 ราย อ.แว้ง 2 ราย อ.สุคิริน 3 ราย อ.สุไหงโกลก 3 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 5 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 576 ราย, อ.ระแงะ 76 ราย, อ.รือเสาะ 59 ราย, อ.บาเจาะ 136 ราย, อ.จะแนะ 62 ราย, อ.ยี่งอ 36 ราย, อ.ตากใบ 377 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 18 ราย, อ.สุไหงปาดี 49 ราย, อ.ศรีสาคร 23 ราย, อ.แว้ง 34 ราย, อ.สุคิริน 10ราย และ อ.เจาะไอร้อง 9 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 108 ราย แยกเป็นกลุ่มรอสอบสวนโรค 8 ราย กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงในโรงงาน 49 ราย กลุ่มสัมผัสเสี่ยงโรงเรียนสอนศาสนา จ.ยะลา 6 ราย และกลุ่มสัมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่ 45 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 3,261 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 3,238 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 23 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 1,021 ราย รักษาหายแล้ว 2,226 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 14 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยัน 807 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 1,180 ราย, อ.เมืองสงขลา 501 ราย, อ.จะนะ 279 ราย, อ.สะเดา 258 ราย, อ.บางกล่ำ 121 ราย, อ.สิงหนคร 53 ราย, อ.รัตภูมิ 39 ราย, อ.เทพา 30 ราย, อ.สะบ้าย้อย 26 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 19 ราย, อ.สทิงพระ 17 ราย, อ.นาหม่อม 17 ราย, อ.นาทวี 16 ราย, อ.ระโนด 13 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 4 ราย, อ.ควนเนียง 2 ราย เป็นกรณีเรือนจำ จ.สงขลา 640 ราย เป็นเรือนจำกลาง 2 ราย เป็นกรณีทัณฑสถานหญิง จ.สงขลา 1 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 20 รายและจากต่างประเทศ 23 ราย