โควิดชายแดนใต้ยอดติดเชื้อสะสมพุ่ง นราธิวาสเจอคลัสเตอร์ “เกาะสะท้อน” ป่วยเพิ่ม 38 ราย ยะลาปิดหมู่บ้านกำปงบูเกะ รอผลตรวจสัมผัสเสี่ยง 200 คน เพิ่มจุดตรวจพื้นที่รอยต่อเป็น 12 แห่ง ขณะที่ ผบ.ฉก.นราธิวาส วางกำลัง 46 ชุดปฏิบัติการ คุมเข้มพื้นที่ 3 อำเภอชายแดน
วันพุธที่ 12 พ.ค.64 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้และ จ.สงขลา ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสามจังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพิ่มขึ้นด้วยตัวเลข 2 หลัก ขณะที่สงขลามียอดผู้ป่วยใหม่เพียง 2 ราย
เริ่มจาก จ.ปัตตานี ณ เวลา 15.00 น. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขยับเพิ่มเป็น 251 ราย รักษาหายแล้ว 84 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 22 ราย โรงพยาบาลสนามหนึ่ง 40 ราย โรงพยาบาลสนามสอง 58 ราย โรงพยาบาลสนามสาม 30 ราย โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร 2 ราย โรงพยาบาลโคกโพธิ์ 7 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาแอดมิท 7 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 1 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 127 ราย, อ.หนองจิก 64 ราย, อ.โคกโพธิ์ 4 ราย, อ.ยะหริ่ง 23 ราย, อ.สายบุรี 7 ราย, อ.ไม้แก่น 1 ราย, อ.แม่ลาน 1 ราย, อ.ยะรัง 4 ราย, อ.ปะนาเระ 11 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 3 ราย และ อ.มายอ 5 ราย
จ.นราธิวาส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25 ราย ในพื้นที่ อ.ตากใบ 19 ราย อ.เมือง 1 ราย อ.แว้ง 4 รายและ อ.สุไหงปาดี 1 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อสะสม 606 ราย รักษาหายแล้ว 526 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย
ผู้ติดเชื้อทั้งหมดแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 429 ราย, อ.ระแงะ 15 ราย, อ.รือเสาะ 25 ราย, อ.บาเจาะ 8 ราย, อ.จะแนะ 6 ราย, อ.ยี่งอ 5 ราย, อ.ตากใบ 88 ราย, อ.สุไหงโก- ลก 7 ราย, อ.สุไหงปาดี 7 ราย, อ.ศรีสาคร 4 ราย อ.แว้ง 9 ราย, อ.สุคีริน 1 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 1 ราย
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 150 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 112 ราย รักษาหายแล้ว 35 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย รอผลตรวจยืนยันอีก 1,118 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 39 ราย, อ.กรงปินัง 40 ราย, อ.เบตง 15 ราย, อ.รามัน 51 ราย อ.บันนังสตา 1 ราย และ อ.กาบัง 4 ราย โดยมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 112 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลยะลา 54 ราย โรงพยาบาลเบตง 3 ราย และโรงพยาบาลสนาม 55 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย เป็นกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 868 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 864 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 4 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 274 ราย รักษาหายแล้ว 591 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยัน 718 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 623 ราย, อ.เมืองสงขลา 125 ราย, อ.บางกล่ำ 19 ราย, อ.นาหม่อม 12 ราย, อ.จะนะ 15 ราย, อ.รัตภูมิ 12 ราย, อ.สะเดา 6 ราย, อ.สิงหนคร 8 ราย, อ.เทพา 5 ราย, อ.ระโนด 8 ราย, อ.สะบ้าย้อย 4 ราย, อ.นาทวี 5 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 5 ราย, อ.สทิงพระ 1 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 3 ราย อ.ควนเนียง 1 ราย และเป็นคนต่างจังหวัด 12 ราย
@@ คลัสเตอร์เกาะสะท้อน ติดเชื้อสะสมพุ่ง 38 ราย
ความคืบหน้าหลังจากมีการปิดพื้นที่ ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงแพร่ระบาดโควิด-19 จากการพบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 16 รายนั้น
นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอตากใบ กล่าวว่า ผู้ป่วยสะสมล่าสุดที่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ ต.เกาะสะท้อน ขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 38 ราย สำหรับกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อแต่ละราย ทีมสอบสวนโรคได้ลงพื้นที่ไปคัดกรองและนำเข้าสถานกักกันโรงเรียนบ้านเกาะสะท้อนทั้งหมดแล้ว โดยผู้ติดเชื้อเหล่านี้ตรวจพบเชื้อขณะอยู่ในสถานกักกัน ไม่ได้เข้าไปปะปนกับชุมชนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทางสาธารณสุขอำเภอได้นำทีมงานลงพื้นที่ไปสุ่มตรวจและ swab เชิงรุกบุคคลที่อยู่ในหมู่บ้านเพิ่มเติม เพื่อเป็นการคัดกรองอีกชั้นในระหว่างที่ปิดตำบล เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำให้มากที่สุด
@@ ยะลาปิดหมู่บ้านกำปงบูเกะ รอผลสัมผัสเสี่ยง 200 ราย
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ยะลา ที่ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้เมื่อวันอังคารที่ 11 พ.ค. ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงเพิ่มอีก 1 หมู่บ้าน คือ หมู่ 8 บ้านกำปงบูเกะ (ชุมชนกำปงบูกะ ซอยกูโบร์) ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา โดยห้ามมิให้ผู้ใดเข้า-ออกพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ใน จ.ยะลา มีหมู่บ้านและชุมชนถูกสั่งปิด หรือ ล็อกดาวน์ไปแล้ว 16 หมู่บ้าน ใน 5 อำเภอนั้น
โดยบรรยาการศที่บ้านกำปงบูเกะ หลังจากถูกสั่งปิดหมู่บ้านเนื่องจากพบผู้ติดเชื้อ 10 ราย ปรากฏว่าทางผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กำลังเจ้าหน้าที่ อส. และ อสม. ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจคัดกรองผู้ที่จะสัญจรผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด
นายสะรี อูมา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.สะเตงนอก กล่าวว่า หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มาตรวจหาเชื้อทั้งหมู่บ้านแล้ว 180 คน และมีชาวบ้าน 20 กว่าคนก็ออกไปตรวจที่สาธารณสุขด้านนอก ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ระหว่างรอผลตรวจ ทางจังหวัดจึงได้มีคำสั่งปิดเฉพาะบ้านกำปงบูเกะที่มีประมาณ 60 ครัวเรือน 200 กว่าคน โดยทำการตั้งด่านปิดหมู่บ้านเพื่อคัดกรองคนเข้าออก ไม่ให้การระบาดของโรคขยายไปในพื้นที่อื่น ทั้งยังได้ประสานกับอิหม่ามที่มัสยิด งดให้คนในหมู่บ้านกำปงบูเกะออกไปละหมาดด้วย
@@ ศบค.ยะลา เพิ่มอีก 1 จุดตรวจรอยต่อพื้นที่
วันเดียวกัน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดยะลา ได้ออกประกาศหนังสือคำสั่งที่ 53/2564 เรื่อง กำหนดเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ-จุดสกัด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รอยต่อพื้นที่จังหวัดยะลา (เพิ่มเติม) โดยเนื้อหาของคำสั่ง ได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดรอยต่อพื้นที่ จ.ยะลา เพิ่ม 1 แห่ง คือ บริเวณหัวสะพานบาโหย บ้านแอแล๊ะ หมุ่ 6 ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา รอยต่อ ต.บาโหย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยให้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหารด้วย
ทำให้ปัจจุบัน จ.ยะลา มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณรอยต่อพื้นที่ทั้งหมดรวม 12 แห่งประกอบด้วย
1.ด่านขุนไวย์ ต.สะเตง
2.ด่านคลองทรายใน ต.ยุโป
3.ด่านตรวจจุดสกัด ต.ลำใหม่
4.ด่านตรวจจุดสกัด ต.วังพญา
5.ด่านตรวจจุดสกัด ต.ตะโละหะลอ
6.กองร้อย ทพ.4103 ต.กาลอ
7.จุดตรวจสะพานสาวอ ต.บาลอ
8.จุดตรวจหน้า รร.บ้านจะรังตาดง ต.ท่าธง
9.จุดตรวจหน้ากองร้อย ทพ.4116 ต.เกะรอ
10.ด่านตรวจจุดสกัด ต.ตลิ่งชัน
11.ด่านตรวจจุดสกัด บ้านบันนังดามา ต.กาบัง
12.ด่านตรวจจุดสกัดหัวสะพานบาโหย ต.กาบัง
@@ ตม.เบตงคัดกรองคนไทยข้ามแดน
บรรยากาศที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่กองอำนวยการร่วมประสานงานประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ได้ร่วมกันคัดกรองแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากมาเลเซีย จำนวน 2 คน โดยต้องผ่านการฉีดยาฆ่าเชื้อ ตรวจสัมภาระ ซักประวัติ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมกักตัว 14 วัน ที่ศูนย์ Local Quarantine ในพื้นที่จังหวัดยะลาและจังหวัดปัตตานี
ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงออกลาดตระเวนตามแนวกำแพงตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ในเขตพื้นที่ อ.เบตง โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเขาและช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรองโควิด-19 ของกลุ่มแรงงานไทยและต่างด้าวในมาเลเซีย ซึ่งอาจมีการลักลอบหลบหนีเข้ามาในฝั่งไทยในช่วงเทศการฮารีรายอ และอาจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำพาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาใต้เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ชายแดนไทย
ล่าสุดนายกรัฐมนตรีมาเลเซียประกาศคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.-7 มิ.ย 64 เพื่อพยายามควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังคงมีความรุนแรง จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังพบการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์แอฟริกาและอินเดีย โดยมีคำสั่งห้ามประชาชนเดินทางระหว่างรัฐ รวมทั้งการเดินทางข้ามพื้นที่ภายในรัฐ ตลอดจนห้ามประชาชนทำกิจกรรมที่ต้องรวมกลุ่มกัน โดยมาตรการใหม่นี้เริ่มใช้วันที่ 12 พ.ค.เป็นวันแรก
@@ วางกำลัง 46 ชป. คุมเข้ม 3 อำเภอชายแดนนราฯ
พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวถึงแนวทางการปฏิบัติตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสกัดการลักลอบเข้าเมืองที่อาจนำโรคระบาดเข้ามา ว่า ได้จัดตั้งกองอำนวยการควบคุมการผ่านแดนและบูรณาการส่วนราชการทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติในการคัดกรองคนไทยและแรงงานต่างด้าวที่ผ่านข้ามแดน เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข และประสานส่งคนไทยกลับภูมิลำเนาจังหวัดต่างๆ
ด้านการวางกำลังตามแนวชายแดน ได้จัดกำลัง 46 ชุดปฏิบัติการ รับผิดชอบในพื้นที่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส รวมทั้งได้เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นพื้นที่ตามแนวชายแดน มีการแบ่งพื้นที่และวางกำลังสกัดกั้นเป็น 4 ชั้น เช่น เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนตรวจการตามลำน้ำโก-ลก,ให้ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์เพิ่มเครื่องกีดขวางและใช้เครื่องมือพิเศษต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าตรวจ, การควบคุมเส้นทางไม่ให้เคลื่อนย้ายเข้าสู่พื้นที่ตอนใน เป็นต้น
นอกจากนี้ได้มีการบูรณาการกำลังและเครื่องมือสกัดกั้นตามแนวชายแดนครอบคลุมทั้ง 3 มิติ ทางอากาศ ลาดตระเวนตรวจการณ์และกดดัน, ทางน้ำ ลาดตระเวนทางเรือตามลำน้ำ และทางบก จัดกำลังลาดตระเวนและเฝ้าตรวจตลอด 24 ชั่วโมง
โดยในช่วงเดือน ต.ค.63 ถึงปัจจุบัน มีกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย รวมถึงบุคคลต่างด้าวมีการลักลอบข้ามแดนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ใช้ช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง มีการจับกุมบุคคลต่างด้าวจำนวน 57 ครั้ง รวม 438 คน ล่าสุดสามารถควบคุมตัวผู้ลักลอบข้ามแดน สัญชาติลาวได้ 3 คนและนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว