รัฐออกโรงแจงปมเพจเฟซบุ๊กแนวร่วมป่วนใต้แชร์ข้อมูล อ้างเจ้าหน้าที่บิดเบือนภาพวงจรปิดเหตุคนร้ายฆ่า-เผารถขนส่งสินค้าที่สายบุรี ดับ 3 เพราะวัน-เวลาไม่ตรงกับวันเกิดเหตุจริง โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.ยืนยันไม่ใช่ภาพเก่า แต่ตัวกล้องไฟดับ รีเซ็ตวันที่ผิด
วันพฤหัสบดีที่ 6 พ.ค.64 ในการแถลงข่าวขี้แจงการปฏิบัติงานในช่วงที่ผ่านมาของ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภานในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.), กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) ที่ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นั้น
ช่วงหนึ่งของการแถลง ได้มีการหยิบยกกรณีภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ในเหตุการณ์คนร้ายฆ่า-เผา 3 ศพ “ตระกูลกิตติประภานันท์” ขณะขับรถปิคอัพไปส่งสินค้าที่ จ.นราธิวาส เหตุเกิดในท้องที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 24 เม.ย.64 ซึ่งเจ้าหน้าที่นำมาใช้เป็นหลักฐาน จนพบความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงรถไฟในพื้นที่ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 3 พ.ค.64 นำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ จนมีการปิดล้อมและยิงปะทะกันในพื้นที่ ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ทำให้กลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยเสียชีวิต 2 ราย แต่กลับถูกบางฝ่ายโจมตีว่าเป็นการนำภาพเก่ามาใช้เป็นหลักฐาน เพราะวัน-เวลาที่ระบุในภาพ ไม่ตรงกับวัน-เวลาที่เกิดเหตุการณ์จริง
กลุ่มที่ออกมาอ้างเรื่องนี้ คือ เพจเฟซบุ๊กที่เป็นแนวร่วมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พยายามบิดเบือนข้อมูลว่า เป็นภาพเก่า และให้ร้ายว่าเหตุการณ์ฆ่า-เผารถขนส่งสินค้า 3 ศพ เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเองเพื่อมุ่งหวังสร้างสถานการณ์ โดยมีการอ้างว่า วันที่และเวลาที่บันทึกในกล้อง ไม่ใช่วัน-เวลาปัจจุบัน แต่เป็นวันที่ 29 ส.ค.2017 เวลา 11.09 น. จึงเป็นภาพเก่าที่เจ้าหน้าที่ได้นำมาบิดเบือนใส่ร้ายกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ปรากฏว่าเมื่อมีการให้ข้อมูลลักษณะนี้ ก็มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นคล้อยตามจำนวนหนึ่ง
พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าวว่า ภาพที่มีการอ้างถึง มาจากกล้องวงจรปิดที่ตั้งอยู่บริเวณแยกบ้านใหญ่ โรงเรียนบ้านละหาร และบ้านผู้ใหญ่บ้าน ต.ละหาร อ.สายบุรี เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 24 เม.ย.64 แต่กล้องวงจรปิดมีความแตกต่างคือวันที่และเวลาผิด เนื่องจากปัญหาทางเทคนิค เจอไฟฟ้าดับช่วงก่อนหน้านั้น ทำให้โปรแกรมของกล้องรีเซ็ตค่าของตัวเองใหม่ เจ้าหน้าที่ไม่ได้สังเกตวันที่และเวลาที่ผิดไป อีกทั้งภาพจากกล้องทั้ง 3 ตัวที่ปรากฎจะเห็นรถยนต์ของผู้เสียชีวิตเหมือนกันทุกอย่าง ที่สำคัญยังบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ซึ่งหากย้อนไปปี 2017 หรือ พ.ศ.2560 ณ ขณะนั้นยังไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 คงไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัยขับขี่รถจักรยานยนต์
อีกทั้งผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ในส่วนของปลอกกระสุนปืน ซึ่งเป็นวัตถุพยานของกลุ่มคนร้ายในที่เกิดเหตุ พบว่า ผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนถึง 4 กระบอก ประกอบด้วย อาวุธปืนสงคราม AK 102, เอ็ม 16 และปืนสั้นขนาด 9 มม. อีก 2 กระบอก โดยเฉพาะ ปืน AK 102 มีประวัติใช้ก่อเหตุมาแล้ว 5 คดี ปืนสั้นอีก 2 กระบอก ใช้ก่อเหตุรวมกัน 8 คดี เป็นคดีความมั่นคง 6 คดี เชื่อว่าเป็นความพยายามของเพจแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่นำข้อมูลผิดพลาดมาบิดเบือนใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ เพื่อลดความน่าเชื่อถือเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของรัฐ
ด้าน พ.ต.อ.วศิน จินตเสถียร ผู้ช่วยโฆษกกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวถึงสถิติการเกิดเหตุรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.64 ที่ผ่านมาว่า มีเหตุรุนแรงรวม 33 เหตุการณ์ เป็นเหตุก่อความไม่สงบ 18 เหตุ เหตุส่วนตัว 10 เหตุ เหตุก่อกวน 4 เหตุ และเหตุปะทะ 1 เหตุ มีการออกหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคง จำนวน 15 หมาย
ผลคำพิพากษาคดีความมั่นคง เดือน เม.ย.64 มีผลคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา รวม 5 คดี จำเลย 15 คน แยกเป็นลงโทษจำคุกตลอดชีวิต 4 คน จำคุกไม่เกิน 50 ปี 6 คน และยกฟ้อง 5 คน
สำหรับความคืบหน้าคดีสำคัญ เหตุปล้นรถยนต์บริษัทขนส่งเอกชนเพื่อนำไปประกอบระเบิด บริเวณหลัง สภ.รามัน เมื่อวันที่ 12 มี.ค.64 ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับ 9 หมาย จับกุม 1 คน หลบหนี 8 คน และมีการขยายผลดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่ขายซิมการ์ดให้กับผู้ซื้อจำนวน 3 คน ที่มีการจดทะเบียนชิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนผู้อื่น และคนร้ายได้นำชิมการ์ดหมายเลขดังกล่าวไปใช้ในการก่อเหตุในคดีความมั่นคง ศาลได้มีคำพิพากษาปรับคนละ 5,000 บาท
เหตุขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐานปฏิบัติการ ชคต.ลุโบะบายะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 22 เม.ย.64 ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ในส่วนของอาวุธที่ตรวจยึดได้ พบว่า เคยใช้ก่อเหตุในคดีอื่นมาแล้วจำนวน 10 เหตุการณ์ ขยายผลจากการซักถามผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวในที่เกิดเหตุ ทำให้สามารถรู้ตัวผู้ร่วมกระทำความผิดและควบคุมตัวเพิ่มเติมอีกจำนวน 7 คน อยู่ระหว่างดำเนินกรรมการวิธีซักถาม