สงขลาเร่งตรวจกลุ่มเสี่ยง 400 รายจากคลัสเตอร์ร้านชาบูดัง "เฝอ อินเตอร์ฯ" ด้านกรรมการอิสลามปัตตานีงดกิจกรรมในมัสยิดเกิน 50 คน ขณะที่ยะลาตั้ง "ศบค.ส่วนหน้า" เบตงเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนาม พร้อมแจงยังไม่ใช้พื้นที่รีสอร์ทหรูเป็นสถานที่กักตัวตามที่มีการแชร์ภาพในโซเชียลฯ เหตุยังมีเตียงเหลือมากพอ
วันศุกร์ที่ 30 เม.ย.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้และ จ.สงขลา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมยังคงมีเพิ่มขึ้นอยางต่อเนื่อง
เริ่มจาก จ.นราธิวาส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย ในพื้นที่ อ.เมือง 5 ราย และ อ.สุไหงโก-ลก 1 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อสะสม 513 ราย รักษาหายแล้ว 460 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย แยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 403 ราย, อ.ระแงะ 15 ราย, อ.รือเสาะ 13 ราย, อ.บาเจาะ 8 ราย, อ.จะแนะ 4 ราย, อ.ยี่งอ 5 ราย, อ.ตากใบ 50 ราย, อ.สุไหงโก- ลก 5 ราย, อ.สุไหงปาดี 6 ราย, อ.ศรีสาคร 3 ราย, อ.แว้ง 1 ราย ส่วน อ.เจาะไอร้อง และ อ.สุคิริน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งเกินครึ่งร้อย อยู่ที่ 51 ราย รักษาหายแล้ว 6 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย รอผลตรวจอีก 1,199 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 15 ราย, อ.กรงปินัง 20 ราย อ.เบตง 13 ราย, อ.รามัน 2 ราย และ อ.บันนังสตา 1 ราย โดยมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 44 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลยะลา 26 ราย โรงพยาบาลเบตง 8 ราย โรงพยาบาลกรงปินัง 6 ราย โรงพยาบาลรามัน 2 ราย และโรงพยาบาลบันนังสตา 1 ราย ทั้งยังมีส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 1 ราย
จ.ปัตตานี ณ เวลา 15.00 น. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขยับเพิ่มเป็น 85 ราย รักษาหายแล้ว 4 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 25 ราย โรงพยาบาลสนาม 52 ราย และโรงพยาบาลค่ายฯ 1 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาแอดมิท 2 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ 1 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอได้ดังนี้ อ.เมือง 54 ราย, อ.หนองจิก 12 ราย, อ.โคกโพธิ์ 4 ราย, อ.ยะหริ่ง 10 ราย, อ.สายบุรี 3 ราย และ อ.ไม้แก่น 1 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20 ราย เป็นการติดเชื้อภายในประเทศทั้งหมด แยกเป็นกลุ่มสถานบันเทิง 6 ราย กลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วย 9 ราย และกลุ่มเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง 5 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 633 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 629 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 4 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 417 ราย รักษาหายแล้ว 215 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 950 ราย
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.หาดใหญ่ 485 ราย, อ.เมืองสงขลา 52 ราย, อ.บางกล่ำ 19 ราย, อ.นาหม่อม 11 ราย, อ.จะนะ 8 ราย, อ.รัตภูมิ 11 ราย, อ.สะเดา 4 ราย, อ.สิงหนคร 6 ราย, อ.เทพา 5 ราย, อ.ระโนด 8 ราย, อ.สะบ้าย้อย 1 ราย, อ.นาทวี 3 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 3 ราย, อ.สทิงพระ 1 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 1 ราย และเป็นคนต่างจังหวัด 11 ราย
@@ เร่งตรวจกลุ่มสัมผัสเสี่ยงกว่า 400 รายจากคลัสเตอร์ใหม่
ที่สนามสระบัว แหลมสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา ได้มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงซึ่งได้ไปใช้บริการ "ร้านเฝอ อินเตอร์ สงขลา (วชิรา)" ซึ่งเป็นร้านชาบูชื่อดังใน อ.เมืองสงขลา ระหว่างวันที่ 15-25 เม.ย.64 ทยอยกันเข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ตามที่สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้ประกาศให้เข้ารับการตรวจ เนื่องจากร้านเฝอ อินเตอร์ฯ ตรวจพบพนักงานในร้านรวม 17 รายติดเชื้อโควิด-19
นายฐากร นาคแก้ว สาธารณสุขอำเภอเมืองสงขลา กล่าวว่า จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในร้านอาหารภายในพื้นที่เขตเทศบาลนครสงขลา มีประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงกว่า 400 คน ขณะนี้ได้ทยอยเดินทางเข้าตรวจหาเชื้อ และจะทราบผลการตรวจภายใน 24 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการตรวจให้ทราบผ่านช่องทาง SMS ในโทรศัพท์มือถือ
ทั้งนี้ผู้ที่เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกคน จะต้องกักตัวอยู่ที่บ้านระหว่างรอผลตรวจ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และหากผลตรวจออกมาพบว่าติดเชื้อ ในส่วนของผู้ไม่มีอาการ หรือมีอาการป่วยเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จะส่งตัวไปรักษายังหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ หรือ "โรงพยาบาลสนาม" ส่วนกลุ่มที่มีอาการ แต่ไม่รุนแรง หรือกลุ่มที่มีอาการรุนแรง จะส่งตัวให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อไป
@@ กรรมการอิสลามปัตตานี สั่งงดทุกกิจกรรมเดือนรอมฎอน
นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ได้ร่วมประชุมกับ นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และเห็นตรงกันว่าควรดำเนินการตามคำสั่งจุฬาราชมนตรีและของจังหวัด คือ ให้งดกิจกรรมเกิน 50 คน ดังนั้นจึงขอประกาศว่า วันนี้เราจะมีการละหมาดวันศุกร์เป็นวันสุดท้าย และคืนนี้จะมีการละหมาดตารอเวี๊ยะห์เป็นคืนสุดท้าย หลังจากนี้จะงดกิจกรรมเดือนรอมฎอนที่มัสยิดทั้งหมด เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 คาดว่าคำสั่งของทางจังหวัดจะออกมาเร็วๆ นี้
@@ ยะลา ตั้ง ศบค.ส่วนหน้า - เร่ง รพ.สนามเบตง
ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเบตง จ.ยะลา นายวรเชษฐ พรมโอภาษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดยะลาส่วนหน้า รับผิดชอบพื้นที่ อ.เบตง และ อ.ธารโต โดยมี นายพลรัช รองเลื่อน ปลัดจังหวัดยะลา, นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง และคณะทำงานจากพื้นที่ อ.เบตง และ อ.ธารโต เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ อ.เบตง ซึ่งในขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสม 13 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
นายวรเชษฐ กลาาวว่า หลังจาก อ.เบตง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ และควบคุมการแพร่ระบาดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทางผู้ว่าฯยะลา จึงได้จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดยะลาส่วนหน้า รับผิดชอบพื้นที่ อ.เบตง และอ.ธารโต เพื่อบูรณาการการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมสนับสนุนและติดตามการแก้ไขปัญหา รวมทั้งรายงานสถานการณ์ตรงถึงผู้ว่าฯ ทุกวัน
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการบูรณาการของทุกฝ่าย โดยบุคลากรทางสาธารณสุขได้ร่วมกันคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงได้ 70% แล้ว หากไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากนัก คาดว่าจะสามารถคลี่คลายปัญหาได้ในอีกไม่กี่วัน
ภายหลังการประชุม รองผู้ว่าฯยะลา ได้ตรวจความพร้อมการจัดตั้งศูนย์สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หรือ "โรงพยาบาลสนาม" ของ อ.เบตง ที่สถานีขนส่งเทศบาลเมืองเบตง ถนนมหามงคล ทางเลี่ยงเมือง เพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งโรงพยาบาลสนามเบตงสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 70 เตียง และมีเตียงกระดาษรองรับได้อีก130 เตียง มีอัตรากําลังสำหรับดูแลผู้ป่วย ประกอบด้วย แพทย์ 1 คน พยาบาล 2 คน เภสัชกร 1คน คนงาน 1 คน จากโรงพยาบาลเบตง และ สสอ.เบตง (สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเบตง) มีการจัดเวร 2 เวรต่อวัน ผลัดละ12 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงด้วย ทั้งหมดอยู่ระหว่างดําเนินการ คาดว่าจะเริ่มเปิดใช้โรงพยาบาลสนามได้ภายในสัปดาห์หน้า
อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ อ.เบตง ได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ก็คือการมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางราย โพสต์ข้อความอ้างว่า อ.เบตง ใช้บ่อน้ำร้อนนากอ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีลักษณะคล้ายที่พักตากอากาศ เป็นสถานที่กักตัว หรือ Local Quarantine สำหรับผู้ที่เดินทางจากประเทศมาเลเซีย และต้องการเข้าประเทศไทย
ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า "#ว้าว ที่กักตัวนะเนี้ย ภาพที่แฟนเพจกำลังดูอยู่นี่ ไม่ใช่โฮมสเตย์ รีสอร์ท หรูหราที่ไหนกัน แต่มัน คือ "แคมป์ กักตัว แบบวีไอพี "หรือ LQ ณ ตำบลอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ที่บ่อน้ำร้อนนากอ สามารถรองรับการกักตัวผู้เสี่ยงจากโควิด-19 ที่เป็นชาวอัยเยอร์เวง กลับจากมาเลเซีย 12-24 คน เลยทีเดียว...เห็นแบบนี้แล้ว กักตัว 14 เดือนก็ยังอยู่ได้แบบสบายๆเลยเจ้าค้าาา!!...."
"ทีมข่าวอิศรา" ได้ตรวจสอบเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าวประจำ อ.เบตง ได้รับข้อมูลว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดใช้พื้นที่บ่อน้ำร้อนนากอ ในการรับผู้ป่วยโควิด หรือกักตัวผู้ที่เดินทางกลับมาจากมาเลเซีย เนื่องจากศูนย์กักกันตัวระดับท้องถิ่นหรือ Local Quarantine ที่ทางอำเภอเตรียมไว้ ยังมีห้องและเตียงเหลือพอ ฉะนั้นจึงยังไม่มีความชัดเจนว่า ถึงที่สุดแล้วจะมีการใช้พื้นที่นี้ในการกักตัวหรือไม่
@@ ตร.อัยเยอร์เวง - ยะรม รณรงค์ชาวบ้านสวมหน้ากากอนามัย
ขณะที่ในพื้นที่ ต.อัยเยอร์เวง และ ต.ยะรม อ.เบตง ทางฝ่ายตำรวจได้ออกประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะการสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกนอกเคหะสถาน เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูล และย้ำเตือนตัวเอง จะได้ไม่ทำผิด จนต้องถูกปรับในอัตราที่สูง
พ.ต.อ.วงศกร เหมือนเขียว ผู้กำกับการ สภ.อัยเยอร์เวง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถติดเครื่องขยายเสียงออกประชาสัมพันธ์ เป็นเสียงตามสาย 2 ภาษา ทั้งไทยและยาวี ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการรณรงค์การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่นอกเคหะสถาน และห้ามประชาชนออกจากบ้านในเวลาตั้่งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 4 ตั้งแต่วันที่ 1-18 พ.ค.นี้
เช่นเดียวกับ สภ.ยะรม พ.ต.ท.ต่อพันธุ์ ปุสันเทียะ สารวัตรใหญ่ สภ.ยะรม ได้มอบหมายให้ชุดจิตอาสาชุมชนสัมพันธ์ของโรงพัก ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม ออกประชาสัมพันธ์ แจกหน้ากากอนามัย แจกแผ่นพับการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน ในพื้นที่บ้านใหม่จันทรัตน์ หมู่ 4 และ หมู่ 6 ต.ยะรม ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
@@ จับ 3 แรงงานลาว หนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย
วันเดียวกัน ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเห็นบุคคลแปลกหน้า คล้ายบุคคลต่างด้าว อยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารสุไหงโก-ลก ถนนประชาวิวัฒน์ ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบบุคคลสัญชาติลาวจำนวน 3 คน อายุ 20-28 ปี กำลังหารถเดินทางออกจากพื้นที่ จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ
จากการสอบสวน ชาวลาวทั้ง 3 คนรับสารภาพว่า ได้ลักลอบเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ข้ามจากมาเลเซีย เพื่อเดินทางต่อกลับไปยังประเทศลาว โดยทั้ง 3 คนมีหนังสือเดินทางของประเทศลาวอย่างถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และจะดำเนินคดีก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป