โค้งสุดท้ายในการหาเสียง ก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานี วันอาทิตย์ที่ 28 มี.ค.64 นี้ ต้องบอกว่าดุเดือดไม่แพ้สนามอื่นๆ
พื้นที่ของเทศบาลเมืองปัตตานี แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 29,414 คน มีผู้สมัครนายกเทศมนตรี 2 คน และผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล หรือ ส.ท. ทั้งหมด 40 คน จากจำนวนเก้าอี้ที่มีอยู่ 18 เก้าอี้ ขณะที่นายกเทศมนตรี หรือที่เรียกกันติดปากว่า "นายกเล็ก" มีเพียงหนึ่งเดียว
ผู้สมัครนายกเล็กเมืองปัตตานีที่ว่ามี 2 คน ประกอบด้วย
ผู้สมัคร เบอร์ 1 นายนิอันวา สุไลมาน เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ ที่มาพร้อมทีมผู้สมัคร ส.ท. ครบ 3 เขต เขตละ 6 คน เบอร์ 1- 6 ในนาม "ทีมบ้านเรา"
ผู้สมัคร เบอร์ 2 นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี 4 สมัย ส่งพร้อมทีมว่าที่ ส.ท.ครบทั้ง 3 เขต เขตละ 6 คนเช่นกัน เบอร์ 7-12 ในนาม "ทีมรักปัตตานี"
ผู้สมัคร ส.ท.ที่เป็นลูกทีมของ 2 ว่าที่นายกเล็ก รวมแล้ว 36 คน ยังมีผู้สมัครอิสระที่ลงลุ้นชิงตำแหน่งอีก 4 คน ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จำนวน 1 คน และเขตเลือกตั้งที่ 3 อีก 3 คน รวมเป็น 40 คน
กลยุทธ์หาเสียงของ นิอันวา ผู้สมัครเบอร์ 1 ซึ่งเป็นอดีตพานิชย์จังหวัดยะลา แม้จะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่ใช้สโลแกน "ชูพลังญาติช่วยญาติ" ที่มีทั้ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา บ้านใหญ่เมืองยะลา อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นญาติฝ่ายพ่อ
และ นายเด่น โต๊ะมีนา อดีต ส.ว.ปัตตานี และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นญาติฝ่ายแม่ รวมทั้งยังมี "ตระกูลอาลีอิสเฮาะ" ที่เป็นญาติฝ่ายพ่ออีกด้วย
เจ้าตัวยืนยันว่า การลงสมัครครั้งนี้ปราศจากการเมืองระดับชาติ ไม่มีพรรคประชาชาติ หรือภูมิใจไทยเข้ามาสนับสนุน แต่ทุกคนช่วยแบบส่วนตัว "ญาติช่วยญาติ"
นอกจาก "พลังญาติ" แล้ว ยังมีพลัง "เพื่อนช่วยเพื่อน" ซึ่งได้การสนับสนุนจากเพื่อนพ้องน้องพี่ศิษย์สถาบันเดียวกัน ที่อาศัยความเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนเมืองปัตตานี โรงเรียนเบญจมราชูทิศปัตตานี โรงเรียนสาธิต ม.อ.ปัตตานี และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
"ยิ่งเข้าช่วงโค้งสุดท้าย ผมยิ่งมั่นใจในคะแนนเสียง ถ้าไม่มั่นใจผมไม่มา ผมไม่ได้คิดจะเข้ามาทำเพื่อตัวเอง ผมเขามาเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เป็นบวกต่อสังคม ผมเป็นบุคคลที่พร้อมและกล้าอาสาเข้ามา เพราะเป็นคนปัตตานี เกิดปัตตานี และต้องตายปัตตานี เพราะฉะนั้นผมจะไม่ทิ้งปัญหาไว้ให้คนข้างหลัง" นิอันวา ประกาศเจตนารมณ์ในการกระโดดเข้าสู่สนามเลือกตั้ง
สำหรับนโยบายที่ใช้หาเสียง คือการเข้ามาแก้ปัญหาการศึกษา ปัญหาด้านสาธารณสุข ยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน รวมทั้งโครงสร้างขั้นพื้นฐานต่างๆ โดยพร้อมที่จะสานต่องานเก่าทุกด้านที่นายกเทศมนตรีคนก่อนเคยทำเอาไว้
ทางฟากฝั่งของ นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ ผู้สมัครเบอร์ 2 อดีตนายกเทศมนตรี 4 สมัย ซึ่งในการเลือกสมัยที่แล้ว เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2555 สามารถเอาชนะคู่แข่ง คือ นายสุทัศน์ อัจจิมากุล อดีตผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลเมืองปัตตานี ไปอย่างเฉียวฉิ่วเพียง 639 คะแนน โดยนายพิทักษ์ ได้ 9,127 คะแนน ขณะที่นายสุทัศน์ ได้ 8,488 คะแนน จากผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด 18,645 คน คิดเป็นร้อยละ 66.92 บัตรดี 17,615 ใบ บัตรเสีย 541 ใบ และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 489 ใบ
นายพิทักษ์ บอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ปีนี้ถือเป็นการลงสมัครสมัยที่ 5 เพื่อสานต่องานที่จะทำในโครงการที่ยังทำไม่แล้วเสร็จ เช่น การป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมือง เพราะปัตตานีเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ เป็นพื้นที่ปลายแม่น้ำปัตตานี น้ำจาก จ.ยะลา ถูกปล่อยจากเขื่อนมาที่นี่ สมทบด้วยน้ำในช่วงฤดูฝน ทำให้บริเวณเขตเทศบาลเมืองปัตตานีได้รับความเดือดร้อน น้ำทะลักเข้าบ้านเรือนพี่น้องประชาชน
"ขณะนี้มีการริเริ่มสร้างเขื่อน วันนี้การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ อีกประมาณ 4-5 ปีคงจะเรียบร้อย อันนี้คือโครงการสำคัญ" อดีตนายกเทศมนตรี 4 สมัยซ้อน กล่าว
และว่า ทุกวันนี้เทศบาลเมืองปัตตานียังเป็นศูนย์รับขยะจากองค์กรส่วนท้องถิ่นอื่นทั้งจังหวัด ซึ่งมีปริมาณขยะประมาณ 150 ตันต่อวัน ขณะที่เครื่องคัดแยกขยะสามารถคัดแยกได้วันละ 75 ตันเท่านั้น ตั้งใจจะสร้างโครงการโดยชอสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแว้ดล้อม ให้มีการสร้างโรงงานคัดแยกขยะเพิ่มอีก 1 แห่ง
สำหรับกลยุทธ์การหาเสียของตนนั้น ใช้วิธีเดินเคาะประตูขอคะแนนทุกบ้าน สำหรับคะแนนเสียงในตอนนี้ ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี เพราะสิ่งที่ทำมาให้พี่น้องประชาชน 4 สมัย ทำให้ปัตตานีดีขึ้นจริงๆ
จากการสอบถามทัศนะจากชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า รวมถึงข้าราชการในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี พบว่า มีกระแสตอบรับผู้สมัครทั้ง 2 เบอร์ โดยนโยบายและวิธีการหาเสียงของคู่ท้าชิงแตกต่างกันค่อนข้างมมาก โดยคนหนึ่งชูพลังเครือญาติ ตระกูลดังเก่าแก่ของปัตตานีและยะลา รวมทั้งขายความเป็น "คนมลายู" แต่ด้วยความที่รับราชการนอกพื้นที่ปัตตานีมาตลอด ทำให้ชาวบ้านไม่คุ้นเคยเท่าที่ควร
ขณะที่อีกคนหนึ่งเคยลงสมัครและคว้าชัยชนะมาได้ถึง 4 ครั้ง 4 สมัย เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เป็นประธานชมรมชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดปัตตานี ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี มีสัดส่วนประชากรที่เป็นคนจีนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโซนตลาดที่มีการเทคะแนนให้มาตลอด จึงถือเป็นความได้เปรียบส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังประมาทไม่ได้
28 มี.ค.นี้ ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ชาวเมืองปัตตานีก็จะได้รู้กันแล้วว่านายกเล็กของตนเองเป็นคนเก่าหรือหน้าใหม่!