มีเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ชายหนุ่มคนหนึ่งกับครอบครัวอีก 5 ชีวิต ต้องกินอยู่หลับนอนอยู่ข้างๆ แทงค์น้ำขนาดใหญ่ริมทะเล สภาพผุพัง ไม่รู้จะถล่มลงมาทับบ้านของเขาวันไหน จึงวิงวอนขอให้หน่วยงานรัฐช่วยเคลื่อนย้ายออกไป
แทงค์น้ำขนาดใหญ่แทงค์นี้ตั้งตระหง่านอยู่บนหาดทรายริมทะเลปัตตานี พื้นที่บ้านปาตา หมู่ 1 ตำบลตะโละกาโปร์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เรียกว่าอยู่ติดทะเลเลยก็ว่าได้ ต้องรับลมทะเลและพายุช่วงมรสุมแบบเต็มๆ
ชาวบ้านแถบนั้นเล่าว่าแทงค์น้ำมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ฐานด้านล่างเป็นโรงเรือนคล้ายๆ ห้องสี่เหลี่ยม สร้างด้วยอิฐบล็อก เสาเป็นปูน ฐานกว้างประมาณ 4 เมตร สูงกว่า 10 เมตร สภาพทรุดโทรมมาก ที่โคนเสามีซีเมนต์หลุดร่อนจนเห็นโครงเหล็กผุๆ ด้านใน ขณะที่บริเวณโดยรอบมีเศษปูนที่หล่นมาจากด้านบน โดยปูนเคยหล่นใส่รถ เรือ และบ้านของชาวบ้าน จนหวาดผวากันไปทั่ว
ผู้ที่ร้องเรียนเรื่องนี้ คือ นายซุลกิฟลี เจ๊ะโว๊ะ เจ้าของบ้านเลขที่ 3/14 หมู่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ตั้งแทงค์น้ำ โดยนนายซูลกีฟลียอมรับว่า ได้รับมรดกเป็นที่ดินผืนนี้มาจากบรรพบุรุษ ซึ่งเดิมคุณยายของตนอาศัยอยู่ แต่ปัจจุบันยายเสียชีวิตไปแล้ว ตนจึงย้ายเข้ามา แล้วก็พบแทงค์น้ำสภาพเก่าทรุดโทรมตั้งอยู่ก่อนแล้ว ที่ดินผืนนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มาก ทำให้ตนต้องปลูกบ้านติดกับแทงค์น้ำ เพื่ออยู่อาศัยกับครอบครัว
แรกๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่ออยู่นานไป แทงค์น้ำยิ่งเก่า ทรุดโทรม และมีเศษปูนขนาดใหญ่หล่นใส่บ้าน ทำให้กระเบื้องหลังคาแตก ทุกวันนี้เวลามีลมแรงๆ ต้องย้ายไปนอนที่อื่น เพราะกลัวแทงค์ถล่ม ทำให้แฟนและลูกๆ 4 คนได้รับอันตราย แฟนก็บ่นอยู่ตลอดว่าน่ากลัว แต่ตนเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ออกเรือประมงได้วันละ 50-100 บาทเท่านั้น จึงไม่มีปัญญาจะไปย้ายบ้านหนีแทงค์น้ำ
ปัญหาที่แก้ไม่ตกของซุลกีฟลี ก็คือ แทงค์น้ำนี้เป็นของเอกชนที่มาเช่าที่ดินยายสร้างขึ้นมา คนเก่าคนแก่ในพื้นที่เล่าว่า มีนักการเมืองชื่อดังจากภาคกลางมาสร้างแทงค์เก็บน้ำจืดสำหรับเพาะเลี้ยงกุ้ง แต่ต่อมาโรคกุ้งระบาด ทำให้ขาดทุน จึงเลิกสัญญาเช่าที่ดิน และปล่อยแทงค์ทิ้งร้างจนทรุดโทรมเสี่ยงจะถล่มลงมา
ซุลกิฟลี เล่าอีกว่า ได้ไปปรึกษานายก อบต.ตะโละกาโปร์ เพื่อให้ช่วยรื้อถอน แต่ อบต.ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นของเอกชน ตนจะรื้อเองก็ไม่มีกำลัง นายก อบต.ก็ไม่รู้จะประสานใคร ทำให้ต้องอยู่แบบหวาดกลัว ไม่รู้แทงค์จะถล่มลงมาเมื่อไหร่
นายซุลกิฟลี บอกด้วยว่า บริเวณริมหาดทรายใกล้ๆ กับแทงค์น้ำ จะมีชาวบ้านมาจอดเรือ และเตรียมอุปกรณ์เพื่อออกเรือในวันรุ่งขึ้น ทุกคนกลัวกันมากว่าสักวันหนึ่งแทงค์จะถล่มลงมา จึงขอให้หน่วยงานไหนก็ได้มาช่วยชาวบ้านด้วย
คนในชุมชนวัย 35 ปี เล่าเสริมว่า ในฐานะชาวเรือที่ต้องเตรียมของออกเรือทุกวัน มองเห็นแทงค์น้ำแล้วรู้สึกกลัวมาก หวังว่าจะมีหน่วยงานไหนสักหน่วยงานหนึ่งที่ช่วยเหลือพวกเราได้ ได้โปรดเอาแทงค์น้ำทนี้ออกไปโดยเร็วที่สุด
"เราต้องมาเตรียมของเพื่อออกเรือทุกวัน อดที่จะหันไปมองที่แทงค์น้ำไม่ได้ กลัวว่ามันจะถล่มลงมา อยากขอให้ภาครัฐและหน่วยที่เกี่ยวข้องช่วยชาวบ้านตะโละกาโปร์ด้วย ขอให้เอาแทงค์น้ำออกไป สงสารพวกเราเถิด พวกเราไม่มีที่พึ่ง ไม่รู้จะบอกใคร หวังว่าภาครัฐ อำเภอ จังหวัด หรือส่วนงานไหนก็ตตาม รวมทั้ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ช่วยมาเอาแทงค์น้ำออกไปเสียที" ชาวบ้าน กล่าว