แรงงานเมียนมาในไทยติดตามข่าวยึดอำนาจอย่างต่อเนื่อง สั่งญาติพี่น้องกักตุนข้าวสารและของจำเป็น วอนผู้มีอำนาจทำรัฐประหารอย่าให้ประชาชนเดือดร้อน ขณะที่ ผบ.พล.ร.5 สั่งตรึงกำลังตามแนวชายแดน ด้าน ศรชล.ทรภ.3 ส่งเรือรบเสริมกำลังลาดตระเวนน่านน้ำระนอง
เหตุการณ์กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของออง ซาน ซูจี โดยกล่าวหาว่า โกงการเลือกตั้งเมื่อ พ.ย.63 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี พร้อมกับนายอู วิน มินต์ ประธานาธิบดี และแกนนำของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) รวมถึงมีการตัดช่องทางการสื่อสารต่างๆ ทั้งโทรศัพท์และสัญญาณอินเตอร์เน็ตในกรุงเนปิดอว์ ในเช้าวันที่ 1 ก.พ.64
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้แรงงานชาวเมียนมาที่มาทำงานในประเทศไทยแสดงความเป็นห่วงญาติพี่น้องที่อยู่ในฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งส่วนใหญ่เฝ้าติดตามข่าวสารจากสื่อเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเมียนมา
แรงงานหญิงชาวเมียนมา อายุ 45 ปี ทำงานรับจ้างขายของในเมืองปัตตานี กล่าวว่า พวกเราทราบข่าวแล้วว่า มีปัญหาที่บ้านของเราดูจากมือถือ พอทราบข่าวก็รีบโทรหาญาติพี่น้องพวกเขายังสามารถใช้ชีวิตปกติ แต่หลังจากนี้ ไม่แน่ เห็นว่าบางจุดสัญญาณมือถือ เริ่มใช้ไม่ได้และบางคนเริ่มซื้อของจำเป็นเตรียมเก็บไว้ เผื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายไม่สามารถออกไปไหนได้ พวกเราที่อยู่ที่นี้ จึงมีความรู้สึกเป็นห่วง ขอให้ปัญหาจบลงโดยเร็วๆ
วิธีการแก้ปัญหาในประเทศที่เกิดขึ้นก็พูดยากว่า มันจะไม่ดีทั้งหมดหรือจะดีหรือที่สำคัญตอนนี้ โซเซียลได้สร้างการเปลี่ยนแปลง ทำให้ความคิดเห็นของคนพม่ากว้างขึ้นไม่เหมือนเมื่อก่อน ก็ต้องรอดูต่อไปว่า จะเป็นยังไงต่อไป ที่แน่ๆ เป็นห่วงครอบครัว อยากบอกผู้ที่ทำรัฐประหารว่า อย่าให้พี่น้องชาวพม่าเดือดร้อน จะทำอะไรเห็นใจพี่น้องของพวกเราบ้าง
แรงงานหญิงชาวเมียนมารายเดิม กล่าวอีกว่า สาเหตุที่เรามาหางานทำที่ประเทศไทยเพราะที่บ้านเราไม่มีงานให้ทำ อยู่ที่พม่าก็อด มาทำงานที่นี้อย่างน้อยก็มีโอกาสที่ดีกว่า ซึ่งถ้าเลือกได้ก็อยากกลับไปอยู่กับครอบครัวไม่อยากมาทำงานต่างพื้นที่แบบนี้
ขณะที่แรงงานชายชาวเมียนม่า จากรัฐยะไข่ ที่เป็นแรงงานใน จ.ปัตตานี กล่าวว่า ทราบข่าวการรัฐประหารจากคนที่บ้านโทรมาบอก ก็รู้สึกดีใจที่ครอบครัวเรายังสามารถใช้ชีวิตปกติได้ สำหรับสถานการณ์ที่นั้นต้องรอดูกันต่อไปว่า จะเป็นไปในทิศทางไหน ที่แน่ๆที่ผ่านมา ที่นั้น มีปัญหามาตลอด ทหารไปไล่ฆ่าคนอิสลามในรัฐยะไข่จริง ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดไปวางเพลิงบ้านเพื่อขับไล่ หลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ต้องรอดู แต่เชื่อว่า เทคโนโลยีที่ดี และมีการพัฒนา จะทำให้โลกรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในพม่ากับคนยะไข่
ด้านนาย ตัน โซ อ่าว แรงงานชาวเมียนที่ทำงานใน จ.ระนอง ที่มีชายแดนติดกับ จ.เกาะสอง ของประเทศเมียนมา กล่าวว่า ญาติจากฝั่งเมียนมา ได้โทรมาบอกว่า เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงพยายามติดตามดูข่าวสารทั้งในไทยและเมียนมาผ่านช่องทางมือถือและโทรทัศน์ หลังจากรู้ข้อมูลได้บอกให้ทางครอบครัวรีบซื้อข้าวสารไว้เป็นสิ่งแรก เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญ กลัวว่าจะมีการสั่งปิดร้านจำหน่ายข้าวสาร อีกทั้งสัญญาณโทรศัพท์หลายเครือข่ายในประเทศเมียนมาถูกสั่งปิด ทำให้ยากในการติดต่อกับญาติพี่น้อง
ผมทำงานอยู่ใน จ.ระนองมาหลายปี แต่พอทราบข่าวก็มีความเป็นห่วงญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศเมียนมาเป็นอย่างมาก ยังคิดไม่ออกว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร ได้แต่คิดในใจว่าอย่าให้เกิดเรื่องร้าย ๆในประเทศตนเอง ขอให้ปัญหาที่เกิดขึ้นจบลงไว ๆ เพราะหากนานวันเข้าประชาชนที่หาเช้ากินค่ำจะเดือดร้อน ตอนนี้แรงงานส่วนใหญ่รับทราบข่าวสาร มีการโทรคุยกันหมดเพราะทุกคนห่วงญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศเมียนมา
พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 กล่าวว่า ในช่วงวันสองวันมานี้ ทางเราได้ส่งแรงงานที่เป็นชาวเมียนมากลับบ้าน 2 ชุด ๆแรกเราส่งกลับไป 100 กว่าคน เราส่งทางเรือ ออกจากระนอง ชุดที่ 2 ที่เราส่งกลับไป 100 กว่าคน นั้นเราส่งไปทางรถยนต์ ก็จะเหลือแรงงานที่อยู่ในศูนย์กักตัวที่ จ.ระนอง ประมาณ 200 กว่าคน ซึ่งแรงงานในจำนวนนี้ถือว่า ยังเพียงพอกับศูนย์กักตัว ซึ่งจากที่เหลืออยู่ในศูนย์กักตัวที่ระนองไม่มากแล้ว ก็ทำให้ลดการแออัดของศูนย์กักตัวได้ สำหรับการดำเนินการส่งตัวกลับประเทศนั้น ในส่วนนี้ต้องรอทาง ตม.ดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีแรงงานที่อยู่ตาม สภ.ต่าง ๆ ในพื้นที่ ทาง ตม.อยู่ระหว่างดำเนินการเช่นเดียวกัน โดยรวมแรงงานเมียนมาที่อยู่ในประเทศ ประมาณ 500 กว่าคนโดยประมาณ
ขณะนี้ในส่วนพื้นที่รับผิดชอบ ได้สั่งกำลังพลทุกจุดให้ตรึงกำลังตามแนวชายแดนป้องกันการหลบหนีเข้ามาจากฝั่งเมียนมา เรามีการสั่งการแล้วห้ามเข้ามาโดยเด็ดขาด เพราะปัจจุบันเราก็ยังมีปัญหาโควิดอยู่แล้ว ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นยำมาตลอด เราจะไม่ให้ใครเข้ามา เรามีกำลังเจ้าหน้าที่เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ อยากฝากไปยังพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยตามพื้นที่แนวชายแดน หากพบเห็น ใครข้ามเข้ามาจากฝั่งโน้น ไม่ว่าจะเป็น คนไทย หรือ แรงงานต่างชาติขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ขอยืนยันว่าเราจะดำเนินการโดยเด็ดขาดทันที
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ จ.ระนอง ซึ่งมีเขตแดนติดกับ จ.เกาะสอง ของประเทศเมียนมา บรรยากาศภายในตัวเมืองระนอง โดยเฉพาะในย่านที่มีแรงงานเมียนมาทำงานอยู่นั้นยังใช้ชีวิตกันตามปกติ เพียงทางชาวเมียนมาต่างให้ความสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยรวมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศเมียนมา ยังไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับแรงงานเมียนมาใน จ.ระนอง แต่อย่างไร
ด้านมาตรการในการเฝ้าระวังพื้นที่รอยต่อชายแดนทางทะเล ทาง น.อ.เพชรรัตน์ เทียนจันทร์ รอง ผอ.ศรชล.จ.ระนอง กล่าวว่า พล.ร.ท.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล.ทรภ.3 ) มีคำสั่งให้เพิ่มความเข้มในการปฎิบัติงานด้านทางทะเล หลังประเทศเมียนมาเกิดปัญหาภายใน จึงได้ประสาน ทาง น.อ.ณัฏฐ์ จรัสกุล หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมันคงท่าเรือ จ.ระนอง พร้อมกับ พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล รอง ผอ.กอ.รมน.จ.ระนอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระนองและตำรวจน้ำระนอง โดยได้มีการสั่งเพิ่มกำลังพล พร้อมเรือรบ เรือตรวจการณ์เข้าพื้นที่น่านน้ำ จ.ระนอง พร้อมเรือตรวจการณ์ตำรวจน้ำระนอง ในการออกลาดตระเวนในพื้นที่น่านน้ำอันดามันแนวเขต จ.ระนองเชื่อมต่อ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา ส่วนเรือตรวจการณ์ขนาดเล็ก ทั้งในส่วนเรือตรวจการณ์ความเร็วสูงจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษและเรือยางความเร็วสูงขนาดเล็ก ให้ออกลาดตระเวนในแม่น้ำกระบุรีแนวเขตระนองเมียนมา ระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ตลอด 24 ชั่วพร้อมทั้งให้จัดชุดลาดตระเวนแนวชายแดนบนฝั่งที่มีความเสี่ยงในเรื่องการลักลอบเข้าเมือง
ขณะเดียวกันก็มีการประสานข้อมูลระนองไทย-เมียนมา ผ่านช่องทางศูนย์ประสานงานทางทะเลไทย-เมียนมา ถึงความเคลื่อนไหวในแต่ละวัน เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในของประเทศเมียนมา จ.ระนองกับ จ.เกาะสอง มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในระดับท้องถิ่น แต่สิ่งที่ต้องเพิ่มความเข้มคือ กลุ่มขบวนการที่อาจจะอาศัยจังหวะที่เกิดปัญหาภายในประเทศเมียนมาใช้มาเป็นข้ออ้าง อาจจะเกิดการชักจูงพี่น้องแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาให้ลักลอบเข้ามาในไทย โดยผ่านจังหวัดระนอง เพื่อเข้ามาทำงานและเลี่ยงปัญหาภายในที่อาจจะรุนแรงได้ อย่างไรก็ตามทาง ศรชล.ระนองจะร่วมกับทุกหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดระนองในการดูแลพื้นที่ชายแดนทางทะเลอย่างเต็มที่เพื่อให้พี่น้องชาวไทยไม่ต้องกังวลสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ