ผบ.ฉก.นราธิวาส ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินลาดตระเวนสำรวจรอบค่ายปิเหล็ง สั่งทุกหน่วยเฝ้าระวังการก่อเหตุรุนแรงเชิงสัญลักษณ์ในวาระ 17 ปีไฟใต้ ขณะที่บาเจาะคนร้ายยิงปืนก่อกวนบนถนนสายนราธิวาส-ปัตตานี "ทีมข่าวอิศรา" จับเข่าคุยชาวบ้านจำไม่ได้วันครบรอบ 17 ปีปล้นปืนถ้าไม่มีโพสต์แจ้งเตือน หวังแค่เหตุการณ์สงบลงเสียที
วันที่ 4 ม.ค.64 ถือว่าครบรอบ 17 ปีของเหตุการณ์สำคัญของจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือเหตุคนร้ายบุกเข้าปล้นอาวุธปืนจากค่ายทหาร กองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดยได้อาวุธปืนไปมากถึง 413 กระบอก นับว่าเป็นเหตุปล้นอาวุธปืนล็อตใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย
ในช่วงวันครบรอบเหตุการณ์ปล้นปืน ทางหน่วยงานด้านความมั่นคงได้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังเหตุร้าย โดยช่วงค่ำของวันที่ 3 ม.ค.64 พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส (ผบ.ฉก.นราธิวาส) ได้ลาดตระเวนทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ โดยให้บินวนรอบค่ายปิเหล็ง เพื่อสำรวจมาตรการป้องกันการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในช่วงวันครบรอบเหตุการณ์ปล้นปืน พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยในพื้นที่เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการ รปภ. ต้องดูแลหน่วยที่ตั้ง กรม กอง หน่วยงานราชการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อป้องกันกลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุ ตลอดจนการลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน พร้อมเน้นย้ำว่าไม่ประมาทต่อสถานการณ์โดยเด็ดขาด
พล.ต.ไพศาล ยังได้ตรวจเยี่ยมชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4813 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 โดยได้กำชับกำลังพลให้ปฎิบัติงานด้วยความไม่ประมาทในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ และเน้นย้ำการแจ้งเตือนข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ รวมทั้งสร้างช่องทางการติดต่อสื่อสารให้สามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็วหากมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น โอกาสนี้ ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่กำลังพลในพื้นที่ด้วย
@@ มือมืดยิงก่อกวนที่บาเจาะ
เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 3 ม.ค.64 ร.ต.อ.ณัฐวรรธน์ แก้วหาญรอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ปะลุกาสาเมาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งว่ามีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนยิงก่อกวนบนถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 สายปัตตานี-นราธิวาส) ฝั่งขาขึ้นจาก จ.นราธิวาส มุ่งหน้าสู่ จ.ปัตตานี ห่างจากจุดตรวจ 3 ฝ่ายที่บ้านบาตูประมาณ 100 เมตรเท่านั้น โดยจุดเกิดเหตุอยู่ในท้องที่หมู่ 1 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงครามขนาด 5.56 มิลลิเมตรจำนวน 7 ปลอกตกอยู่บนพื้นถนน จึงได้เก็บรวบรวมเป็นวัตถุพยานเพื่อส่งตรวจหาแหล่งที่มา เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการก่อกวนสร้างสถานการณ์โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่
@@ ชาวบ้านจำไม่ได้ 17 ปีปล้นปืน
แม้เหตุการณ์ปล้นอาวุธปืนจากค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จะเป็นเหตุการณ์ใหญ่และถือเป็นจุดปะทุ หรือ "วันเสียงปืนแตก" ของสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และฝ่ายความมั่นคงมีการแจ้งเตือนการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์ทุกปี แต่เมื่อสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ กลับจำไม่ได้ และไม่ได้ให้ความสนใจกับวันครบรอบเหตุการณ์ปล้นปืนเหมือนกับที่ฝ่ายรัฐให้ความสำคัญ โดยความเห็นของชาวบ้านส่วนใหญ่แค่ต้องการให้เหตุรุนแรงสงบลง
นางซัลมา อายุ 38 ปี แม่ค้าใน จ.ยะลา กล่าวว่า วันที่ 4 ม.ค.เป็นวันอะไร นึกไม่ออก แต่ที่รู้เป็นวันจันทร์แรกของปีใหม่ เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นเกิดมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ไม่เคยนับ แต่ที่จำได้เพียงว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่เกิดมานานมาก นานจนรู้สึกว่ามันไม่มีความปกติ เกินกรอบของความขัดแย้ง มันเหมือนกับความขัดแย้งกลายพันธุ์ คนอื่นเข้าใจแบบไหนก็ไม่แน่ใจ แต่ส่วนตัวรู้สึกและคิดแบบนี้
"ทุกวันนี้เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะรูปแบบของการก่อเหตุและการกระจายข้อมูลของเจ้าหน้าที่ ถ้าเหตุไหนเชื่อว่าฝ่ายก่อความไม่สงบทำ ก็จะเป็นข่าวดังทั้งอาทิตย์ มีภาพจากกล้องวงจรปิดแชร์ครบ มีการปิดล้อมจับ ส่วนคนที่ถูกจับใช่คนทำตัวจริงหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" นางซัลมา กล่าวถึงสภาพจริงในพื้นที่
และว่า ในทางกลับกัน ถ้าเหตุไหนเกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง หรือกลุ่มผู้มีอิทธิพล เสียงของเจ้าหน้าที่จะเริ่มแผ่วๆ ตามอำนาจของฝ่ายที่กระทำ ถ้าเหตุไหนเกิดจากคนมีสีเอง จะเงียบหมดทันที ไม่มีข่าวว่าจับใคร ไม่มีคลิปเหตุการณ์ ทั้งที่เป็นเหตุที่เกิดในจุดสำคัญทั้งนั้น
"ปัญหาเกิดมายาวนานทำให้ชาวบ้านคิดเป็น ทั้งยังมีข้อมูลทางโซเชียลฯ ทำให้ชาวบ้านได้เห็นข้อมูลจากการแชร์ต่อ และนำมาคิด มาคุยกัน มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารทัั้งเรื่องดีและไม่ดี หลายคนเชื่อ หลายคนไม่เชื่อ ก็ผสมๆ กันไป สิ่งที่อยากได้คือขอให้ยุติการแสวงประโยชน์จากคนสามจังหวัด ทั้งกลุ่มขบวนการหรือกลุ่มที่เข้ามาหาประโยชน์กับความไม่สงบในพื้นที่" นางซัลมา กล่าว
ด้าน นายอิสมาน กอแลกาจะ อายุ 28 ปี พ่อค้าขายน้ำอ้อย ซึ่งมีภูมิลำเนาใน จ.ปัตตานี กล่าวว่า เหตุการณ์ความไม่สงบก็เงียบๆ ลงบ้าง ถ้าถามว่าเกิดมานานหรือยัง หรือเกิดกี่ปีแล้ว ก็จำไม่ได้ แทบจะลืมถ้าสื่อไม่สะกิดถาม หรือโซเซียลฯไม่แชร์ เหตุการณ์ในพื้นที่ตอนนี้เกิดนานๆ ที พลาดเป้าก็เยอะ ตั้งใจก็มาก แต่โดยรวมเหตุรุนแรงลดน้อยลง แต่ความรุนแรงรู้สึกว่าเยอะกว่าอดีต แต่ก็ขออย่าทำกับชาวบ้าน ขออย่าให้ชาวบ้านเดือดร้อน
ขณะที่ นายมะแซ ซาและ อายุ 42 ปี อาชีพแบกไม้ยาง มีภูมิลำเนาใน จ.นราธิวาส กล่าวว่า ไม่เคยสนใจว่าเหตุการณ์เกิดมานานแค่ไหน เพราะแค่ทำงานไปวันต่อวันก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว แค่เรามีเงินเลี้ยงครอบครัวก็พอ และถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
"ทุกวันนี้รู้สึกเหตุเกิดน้อยลง แล้วทุกคนก็คุยกันว่าเป็นเรื่องดี ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน ถ้าเป็นไปได้อยากขอให้สงบ เลิกก่อเหตุ ชาวบ้านที่นี่อยากใช้ชีวิตปกติ ไม่มีใครอยากมีปัญหาหรอก" นายมะแซ กล่าว