ผู้ว่าฯสงขลา ออกแถลงการณ์พบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อโควิด 1 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยงจากงานบิ๊กไบค์เกาะลันตา จ.กระบี่ แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะที่สามจังหวัดชายแดนใต้ยังเป็นปลอดภัยไม่มีป่วยโควิด ด้าน ศบค.ไม่เคาะล็อกดาวน์ แบ่งโซนสี "แดง-ส้ม-เหลือง-เขียว" รายจังหวัดคุมเข้มมาตรการ
วันที่ 24 ธ.ค. 63 ทางนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ออกแถลงการณ์กรณีพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ระบุว่า ตามที่ได้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และพื้นที่ใกล้เคียงนั้น ทางจังหวัดได้ดำเนินการค้นหา คัดกรอง แยกสังเกตอาการและตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงผลการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ในกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 180 ราย แบ่งเป็นกลุ่มที่ 1 ซึ่งเดินทางมาจากสมุทรสาครได้ดำเนินการตรวจแล้ว 169 ราย ผลการตรวจไม่พบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 158 ราย อยู่ระหว่างการรอผลตรวจอีก 11 ราย กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มบิ๊กไบค์ซึ่งเดินทางกลับจากเกาะลันตา อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ได้ดำเนินการตรวจ 11 ราย ผลการตรวจไม่พบเชื้อ 10 ราย และพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 1 ราย ซึ่งขณะนี้กำลังรักษาตัวและอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.63 ขณะเดียวกันทางทีมแพทย์ได้ดำเนินการสอบสวนโรคอย่างเร่งด่วนแล้ว
ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดมั่นใจในมาตรการการควบคุมโรคและขอความร่วมมือให้พี่น้องชาวสงขลา สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากที่พัก ปฏิบัติตนตามหลักการเว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยครั้ง และให้ทุกคนเช็คอินผ่านแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” เมื่อเข้าไปใช้บริการในสถานประกอบการ ร้านค้า และสถานที่ต่างๆ ทุกครั้ง
นอกจากนี้มีรายงานว่า ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ มีประกาศเกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีความแออัด เทศบาลนครหาดใหญ่ เห็นชอบให้ยกเลิกการจัดกิจกรรม ส่งท้ายปีเก่าประจำปี 2563 กิจกรรมตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ ,กิจกรรมวันเด็ก รวมถึงกิจกรรมการศึกษาดูงาน ไปจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้มีการตรวจกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้เดินทางกลับมาจาก จ.สมุทรสาคร และผู้ใกล้ชิดบุคคลที่เดินทางกลับมาจาก จ.สมุทรสาคร โดยแต่ละจังหวัดได้ดำเนินการตรวจกลุ่มเสี่ยงที่เข้ามารับการตรวจเชื้อโควิดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้แต่อย่างใด
@@ศบค..ไม่เคาะล็อกดาวน์แบ่งโซนสีรายจังหวัดคุมเข้มมาตรการ
วันที่ 24 ธ.ค. 63 เวลา 09.30 น.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
โดยล่าสุดเวลา 11.10 น. รายงานข่าวจากที่ประชุมเปิดเผยว่า ที่ประชุมศบค.ไม่มีมติให้ล็อกดาวน์ แต่มีมติแบ่งพื้นที่แต่ละจังหวะที่มีความเสี่ยงสูงไปถึงจังหวัดที่มีความเสี่ยงต่ำ ดังนี้
พื้นที่สีแดง ที่ต้องเฝ้าระวังระดับสูงสุด มีจังหวัดเดียวคือ สมุทรสาคร
พื้นที่สีส้ม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร ราชบุรี และนครปฐม
พื้นที่สีเหลือง ประกอบด้วย สระบุรี สมุทรปราการ สุพรรณบุรี นนทบุรี ปทุมธานี อุตรดิตถ์ ฉะเชิงเทรา กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต เพชรบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี กระบี่ ขอนแก่น ชัยนาท อุดรธานี พิจิตร นครศรีธรรมราช สุราษฏ์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ ชัยภูมิ นครสวรรค์ อ่างทอง
พื้นที่สีเขียว คือจังหวัดที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ
พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวในช่วงต้นการประชุม ว่า หากเปรียบเทียบสถานการณ์ covid 19 ในประเทศและต่างประเทศ ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก ขอให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกคนที่ร่วมกันเสียสละ อดทน ซึ่งไทยเคยทำสำเร็จกันมาแล้ว
จึงขอให้กำลังใจให้ทุกคนทำให้สำเร็จอีกครั้ง แต่อย่าประมาทหรือชะล่าใจ ต้องพิจารณาจากบทเรียนครั้งก่อน หากเราไม่ประมาท และ ปรับปรุงมาตรการให้มีประสิทธิภาพ ก็จะไม่พ่ายแพ้ ดังนั้น ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจด้วยความสามัคคี เราจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
สิ่งที่นายกรัฐมนตรีเสียใจ คือช่วงเวลาปีใหม่ควรจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนมีความสุข แต่กลับต้องเพิ่มความเข้มงวดในระดับสูงสุด อีกประเด็นสำคัญ คือ มีแรงงานต่างด้าวกระจายทั่วประเทศ ทั้งสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานเหล่านี้ ก็เอื้อต่อการแพร่ระบาดของโรคได้ง่าย
จึงต้องเฝ้าระวังและตรวจตราอย่างเข้มข้น การ์ดอย่าตก สวมหน้ากากอนามัยเว้นระยะห่าง และ ในสถานการณ์เช่นนี้ ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตกต่ำ จะต้องถูกพิจารณาควบคู่กับการรักษาความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญด้วย