วันหยุดยาวที่รัฐบาลประกาศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวนั้น ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งมีนักท่องเที่ยวเนืองแน่น สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจรากหญ้าและภาคบริการได้ระดับหนึ่ง
ขณะที่การท่องเที่ยวเมืองรองที่มีความพยายามผลักดันกันมากในช่วงที่ผ่านมา หลายเมืองก็ได้รับความสนใจในห้วงที่ "ไทยต้องช่วยกันเที่ยวไทย" เพราะผลกระทบจากโควิด-19
หนึ่งในนั้นคือเมืองเบตง จ.ยะลา อำเภอใต้สุดแดนสยาม เมืองในหมอกของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ใครๆ ก็อยากไปสัมผัส แต่ในอดีตด้วยระยะทางที่แสนไกล และสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตราย ทำให้เบตงเป็นได้แค่ "เมืองในฝัน" ของใครหลายๆ คน คือไม่มีโอกาสได้ไปเยือนจริงๆ
แต่วันนี้พื้นที่ชายแดนใต้มีความปลอดภัยมากขึ้น สถิติเหตุรุนแรงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่เส้นทางคมนาคมสู่เมืองท่องเที่ยวริมชายแดนก็ได้รับการพัฒนาขึ้น เฉพาะที่เบตงกำลังจะมีสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ประกอบกับประชาคมท้องถิ่น ภาคราชการ เอกชน และภาคการท่องเที่ยว รวมถึงสื่อมวลชนช่วยกันโปรโมทประชาสัมพันธ์ ทำให้นักท่องเที่ยวแบกเป้ หิ้วกระเป๋า ไปสัมผัสอำเภอใต้สุดแดนสยามกันมากขึ้น
และวันหยุดยาว 4 วันรอบล่าสุด คือ 19-22 พ.ย.63 ปรากฏว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยือน "เมืองแห่งผักน้ำ - ไก่เบตง - บ่อน้ำร้อน และทะเลหมอก" ทุบสถิติมากกว่า 30,000 คน
จุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์อย่าง "จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในภาคใต้เวลานี้ และยังมีสกายวอล์คพื้นกระจกซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ยื่นยาวออกไปจากหน้าผาถึง 61 เมตร ยาวที่สุดในอาเซียน ในระดับความสูง 2,038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าชมความงามอย่างล้นหลาม แค่ช่วงเช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ 20 พ.ย. ก็สามารถสร้างสถิติใหม่ เพียงแค่ 4 ชั่วโมงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเช็คอินถ่ายรูปมากกว่า 12,000 คน
จำนวนนักท่องเที่ยวในรอบเช้าวันนั้นมีการจดสถิติเอาไว้ แบ่งเป็น ผู้ใหญ่ 9,858 คน, เด็ก 2,735 คน รวม 12,593 คน เดินทางโดยรถยนต์ 1,490 คัน, รถจักรยานยนต์ 645 คัน รวมยานพาหนะ 2,135 คัน
จุดชมวิมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงสามารถมองเห็นทะเลหมอกยามเช้าสุดลูกหูลูกตาได้ตลอดทั้งปี และยังมองเห็นวิวทิวทัศน์ของผืนป่าฮาลา-บาลา ทะเลสาบเขื่อนบางลาง รวมทั้งดินแดนสวยงามโดยรอบ และหากผู้มาเยือนกลุ่มไหนโชคดี ยังมีโอกาสได้เห็นฝูงนกเงือกบินมาให้ชมในระยะใกล้อีกด้วย
ส่วนบรรยากาศในตัวเมืองเบตงยามค่ำคืน ตามจุดเช็คอินต่างๆ คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยจากทั่วทุกภาคของประเทศ ที่พาครอบครัวเดินทางไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุดพิเศษ ทั้งออกมาถ่ายรูป เช็คอิน เช่น บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง โดยหอนาฬิกาแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่คู่เมืองแบเตงมายาวนาน เปรียบเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองที่มองเห็นจากเนินและที่สูงโดยรอบ ยามเย็นจะเห็นฝูงนกนางแอ่นนับหมื่นตัวมาเกาะอยู่บนสายไฟรอบๆ หอนาฬิกา จนกลายเป็นสัญลักษณ์คู่หอนาฬิกาไปโดยปริยาย
จุดเช็คอินที่ได้รับความนิยมไม่แพ้หอนาฬิกา ก็คือตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองเบตง ตู้ไปรษณีย์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2467 ปัจจุบันยังคงส่งจดหมายได้อยู่ เพราะจะมีพนักงานไปรษณีย์มาไขเก็บจดหมายตามเวลาที่กำหนดเอาไว้ นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังชักชวนกันไปถ่ายรูปภายในอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ซึ่งเป็นอุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย เป็นอุโมงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาในการขนส่งระหว่างชุมชนเมือง โดยภายในอุโมงค์มีการติดไฟแฟนซีสวยงาม
และอีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดนิยม คือบริเวณ "ลานวัฒนธรรมสัมพันธ์" ที่มีรูปปั้นไก่เบตงยักษ์ และงานสตรีทอาร์ตตามจุดต่างๆ โดยรอบๆ ก็มีนักท่องเที่ยวไปเก็บภาพแห่งความทรงจำเอาไว้ระลึกถึง
ขณะที่ร้านอาหารเก่าแก่ชื่อดังหลายร้านก็มีลูกค้าไปนั่งรับประทานอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะเมนูไก่เบตง ผัดผักน้ำ ซึ่งหาทานได้เฉพาะที่เมืองนี้เท่านั้น
อีกหนึ่งร้านที่คนแห่กันไปต่อคิวซื้อ แม้จะอยู่นอกเมือง คือ ร้านเฉาก๊วยเบตง กม.4 (วุ้นดำ) เจ้าแรกบ้านไม้ เป็นเฉาก๊วยสูตรดั้งเดิม ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 25-26 หมู่ 1 ต.ตาเนาะแมเราะ ห่างจากตัวเมืองเบตงไปตามทางหลวงหมายเลข 410 ยะลา–เบตง ประมาณ 4 กิโลเมตร ตรงสามแยกปากทางเข้าบ้านบ่อน้ำร้อนเบตง เป็นร้านเฉาก๊วยเจ้าเก่า และยังเป็นเจ้าแรกของเมืองเบตง ขายมานานเกือบ 40 ปี ได้รับการการันตีเรื่องความอร่อย
สุมิตรา อนันตสิทธิกุล ทายาทผู้สืบทอดร้านเฉาก๊วยเบตง เล่าว่า ตนเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 ได้เรียนรู้เรื่องการทำเฉาก๊วยมาจากคุณพ่อ และรักษาสูตรเอาไว้เหมือนต้นตำรับไม่ผิดเพี้ยน โดยตัวไม้เฉาก๊วยนำเข้ามาจากเมืองจีน แล้วมาใส่ถังต้มวันละ 2 ถัง ต้มนานประมาณ 5 ชั่วโมง จากนั้นก็นำมาผ่านกรรมวิธีต่างๆ อีกรวมแล้ว 7 ชั่วโมง กว่าจะได้เนื้อเฉาก๊วยวุ้นดำประมาณ 200 กิโลกรัมต่อวัน ส่วนช่วงหยุดยาวทางร้านเตรียมเฉาก๊วยเพิ่มเป็น 300 กิโลกรัม เพื่อรองรับนักชิม จะได้ไม่ผิดหวังหากแวะมา โดยเฉาก๊วยที่นี่ไม่มีการตกแต่งสี หรือรสชาติ และไม่ใส่สารกันบูดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื้อเฉาก๊วยเหนียวนุ่ม และมีกลิ่นสมุนไพร เรียกว่าเป็นเฉาก๊วยเดิมๆ จากธรรมชาติอย่างแท้จริง น้ำเฉาก๊วยยังมีสรรพคุณดื่มดับกระหาย แก้ร้อนในด้วย
จากความสำเร็จที่มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนเมืองเบตงจำนวนมาก ร.ต.ต.อุดม ลักษณะ นายกสมาคมการท่องเที่ยวอำเภอเบตง กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และผู้ให้บริการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง คำนึงถึงความสะอาด ถูกสุขอนามัยตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความคุ้มค่าในเรื่องราคาที่เป็นธรรมแก่นักท่องเที่ยว และความใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
ขณะที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สรุปข้อมูลว่า ตลอดช่วงวันหยุดยาว 4 วัน มีนักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสเยี่ยมเยือนแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองเบตง เช่น จุดชมวิวทะเลหมอก, บ่อน้ำร้อนนากอ และสถานที่อื่นๆ รวมกว่า 30,000 คน ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในเบตง และ จ.ยะลาเป็นจำนวนมาก
พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า บรรยากาศความคึกคักที่เกิดขึ้นทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่มีรายได้ ลืมตาอ้าปาก มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการท่องเที่ยวในช่วงนี้ และเนื่องจากนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวกันเนืองแน่น ทำให้ห้องพักทั้งในตัวเมืองเบตงและรีสอร์ทอื่นๆ รองรับนักท่องเที่ยวไม่เพียงพอ จนต้องไปกางเต็นท์นอนที่จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงอีกด้วย
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีจากชายแดนใต้ที่ทำให้ลืมไปได้เหมือนกันว่า...ดินแดนแห่งนี้เคยมีสถานการณ์ความไม่สงบ
-------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ : เช็คอินทะเลหมอก @เบตง...ใต้สุดสยาม