นอกจากไก่เบตง ผักน้ำ หอนาฬิกา และตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ทำให้ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่เชิดหน้าชูตาไม่แพ้กันก็คือ "ทะเลหมอกเบตง" ซึ่งวันนี้ต้องบอกว่าเบตงเป็นเมืองที่มีจุดชมวิวทะเลหมอกมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย เรียกได้ว่าเป็น "ดินแดนแห่งทะเลหมอก" ก็คงไม่ผิด แถมแต่ละแห่งก็งดงาม ติดตาตรึงใจจริงๆ
ไล่เรียงตามลำดับความสูงจากระดับน้ำทะเล เริ่มจาก ทะเลหมอกกาแป๊ะฮูลู-กุนุงปะลง 712 เมตร, ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง 611 เมตร, ทะเลหมอกฆูนุงซิลิปัต 608 เมตร, ทะเลหมอกควนโต๊ะนิ บ้านวังใหม่ 606 เมตร และทะเลหมอกจาเราะกางา 467 เมตร
นี่ยังไม่นับแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่อย่าง "ทะเลหมอกธารน้ำทิพย์" หรือ "ทะเลหมอกไต๋ตง - เขาร้อยยอด" ที่หลายคนเคยไปชื่นชมความงดงามของธรรมชาติกันมาแล้ว
จุดชมวิวทะเลหมอกที่นักท่องเที่ยวทั่วไปรู้จักมากที่สุด หนีไม่พ้น "ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" เพราะถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม และกำลังมีโครงการก่อสร้าง Skywalk เป็นพื้นกระจกยื่นออกไปจากหน้าผาถึง 61 เมตร ยาวที่สุดในอาเซียน ในระดับความสูง 2,038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ทำให้สามารถชมทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี
Skywalk ทะเลหมอกอัยเยอร์เวงได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 91 ล้านบาท ภายใต้โครงการ "เมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ซึ่ง อ.เบตง เป็น 1 ใน 3 เมืองต้นแบบ (อีก 2 เมืองคือ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี)
ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าไปประมาณ 90% ปูพื้นระเบียงกระจกใสเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ก.ย.63 และสามารถเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่สนามบินเบตงเตรียมเปิดให้บริการพอดี ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ได้รับการยอมรับว่าเป็นทะเลหมอกที่สวยที่สุดของภาคใต้ และสวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ใครที่ได้ไปสัมผัสจะพบว่าทะเลหมอกที่อัยเยอร์เวงหนานุ่มเหมือนปุยนุ่น ลอยตัวอยู่ท่ามกลางผืนป่าขนาดใหญ่ในเขตพื้นที่ "เขาไมโครเวฟ" เมื่อหมอกจางยังมองเห็นวิวทิวทัศน์ของผืนป่าฮาลา-บาลา และทะเลสาบเขื่อนบางลางด้วย
การเดินทางไปเยือนทะเลหมอกอัยเยอร์เวง หากไม่ได้ใช้รถส่วนตัว ก็สามารถใช้บริการรถนำเที่ยวจากตัวเมืองเบตงได้ โดยสอบถามจากโรงแรมหรือโฮมสเตย์ที่พักได้เลย แต่หากขับรถไปเอง ก็สามารถใช้เส้นทางออกจากตัวเมืองเบตง มุ่งหน้าสู่ ต.อัยเยอร์เวง เมื่อถึงทางแยกกิโลเมตรที่ 33 ใช้เส้นทางสาย 410 ทางเข้าหมู่บ้านธารมะลิ ต.อัยเยอร์เวง ผ่านถนนลาดยางไต่เขาประมาณ 7 กิโลเมตร โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมทะเลหมอก คือตั้งแต่เช้าตรู่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ไปจนถึงก่อน 9 โมง ซึ่งต้องวางแผนการเดินทางจากตัวเมืองเบตง เพราะต้องใช้เวลาประมาณ 40 นาที
นายมาหะมะ สะอะ ผู้จัดการจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาว ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัครท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันดูแลนักท่องเที่ยวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมให้บริการสถานที่จอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์บริเวณลานด้านล่าง เพื่อจัดระเบียบการจราจร และแจกบัตรเข้าชมทะเลหมอก เพื่อกำหนดเวลาในการเข้าชม
จุดชมวิวทะเลหมอกอีกแห่งหนึ่งของ อ.เบตง ที่เรียกได้ว่าเป็น unseen ทะเลหมอกสองแผ่นดิน คือ จุดชมวิวที่บ้านกาแป๊ะฮูลู ที่กำลังได้รับการพัฒนาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเบตง
เมื่อปลายเดือน ก.ค.63 นายสาธิต ดาเด๊ะ ประธานชุมชนบ้านกาแป๊ะฮูลู ได้นำทีมสำรวจทะเลหมอกสองแผ่นดิน บ้านกาแป๊ะฮูลู ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนไทย-มาเลเซีย โดยจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งนี้ มีความสูงเป็นอันดับ 1 ของจุดชมวิวทะเลหมอกทุกแห่งใน อ.เบตง คือ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 712 เมตร หรือ 2,335 ฟุต
บรรยากาศการสำรวจทะเลหมอกสองแผ่นดินในครั้งนั้น เมื่อไปถึงจุดหมาย นักท่องเที่ยวหลายคนถึงกับอุทานด้วยความประทับใจ หลังได้สัมผัสหมอกขาวโพลนปกคลุมภูเขาน้อยใหญ่บนเทือกเขาสันกาลาคีรี และยังสามารถมองเห็นเขาสองพี่น้อง หรือ "เขานมสาว" ที่อยู่ฝั่งอำเภอฮูลูเปรัค (อำเภอกริก) รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ได้อย่างชัดเจน
สาธิต เล่าว่า จุดชมวิวทะเลหมอกบ้านกาแป๊ะฮูลู อยู่ใกล้พรมแดนไทย-มาเลเซีย ทิศเหนือติดกับชุมชนกาแป๊ะฮูลู ทิศใต้ติดกับรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ทิศตะวันตก ติดกับรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย และทิศตะวันออกติดกับหลักเขต 52 ประเทศมาเลเซียเช่นกัน
"นักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นไปเที่ยว ต้องติดต่อทีมงานของชุดสำรวจทะเลหมอก หรือติดต่อผ่านแอดมินเพจทะเลหมอกกาแป๊ะฮูลู ทะเลหมอกสองแผ่นดิน และต้องเตรียมอาหารฮาลาล ห้ามนำเหล้า เบียร์เข้าไปในพื้นที่ เนื่องจากเป็นชุมชนมุสลิม และที่สำคัญต้องอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน"
ประธานชุมชนบ้านกาแป๊ะฮูลู บอกด้วยว่า ปัจจุบันนี้ชุมชนตื่นจากการหลับใหล เพราะกระแสการพัฒนาเมืองเบตงให้เป็นเมืองต้นแบบการท่องเที่ยวครบวงจร เรากำลังจะมีสนามบิน และสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวเบตงเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 ชุมชนบ้านกาแป๊ะฮูลูจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา โดยชูประเด็นธรรมชาติที่สวยงาม และวิถีชีวิตแบบเบตงแท้ๆ เพื่อเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยว ในยุคดิจิทัล
อับดุลราพา ยามา หนึ่งในทีมสำรวจทะเลหมอกกาแป๊ะฮูลู บอกว่า การเดินทางไปสัมผัสทะเลหมอกสองแผ่นดิน สามารถเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์จากชุมชนกาแป๊ะฮูลู ไปถึงทางขึ้นเขา ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าถึงจุดชมวิวอีก 500 เมตร โดยระหว่างทางจะผ่านบ่อเก็บน้ำบ้านกาแป๊ะฮูลู พร้อมกับชมพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด โดยเฉพาะต้นเสม็ดแดงตลอด 2 ข้างทาง บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าธรรมชาติ
วันหยุดยาวรอบนี้ หรือรอบหน้า ถ้าใครยังไม่รู้จะไปไหน แล้วอยากสัมผัสความท้าทายผสมผสานกับความงามตามธรรมชาติ เชิญเก็บกระเป๋าล่องใต้สู่ดินแดนใต้สุดสยาม เช็คอินที่เบตง...ดินแดนแห่งทะเลหมอกงาม
----------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ: พัฒนาการหินล้านงาม...จากจุดชมวิวใต้ฟ้าคราม สู่ค่ายลูกเสือ และป่าชุมชน