หลังจากรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ หรือ "บิ๊กเกรียง" ยังไม่ได้มอบ/ประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการต่อสาธารณะ เพราะภารกิจในฐานะแม่ทัพภาคใต้รัดตัวทันที
ข้อความที่สื่อสารต่อสังคมไปแล้วมีเฉพาะพันธสัญญาที่ให้ไว้ในวันรับมอบหน้าที่จาก "บิ๊กเดฟ" พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ อดีตแม่ทัพเท่านั้น (อ่านประกอบ : ควันหลงส่งมอบหน้าที่ "บิ๊กเกรียง"ลุยลงพื้นที่-ให้คำมั่นฟื้นสันติสุข)
ขณะที่นโยบายดับไฟใต้ที่ยืดเยื้อมานานถึง 16 ปี เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายรอฟัง...
ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ต.ค.63 พล.ท.เกรียงไกร ได้เป็นประธานการประชุมแถลงแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2564 ที่สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 (พล.ร.15) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อมอบแนวทางการปฏิบัติงานแก่หน่วยในพื้นที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น
3 ประเด็นที่ "บิ๊กเกรียง" เน้นย้ำก็คือ
- น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" มาเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนภารกิจ
- ต่อยอดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2563 มาเป็นแนวในการดำเนินงาน
- มุ่งเน้นสู้ด้วยความจริง ไม่บิดเบือน ผิดเป็นผิด ถูกก็คือถูก เพื่อให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา
ขณะที่ผลสัมฤทธิ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากแผนเสริมสร้างสันติสุขฯ ประจำปี 2564 ได้แก่
- ประชาชนต้องมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พื้นที่มีความสงบสันติ
- ปัญหายาเสพติดและภัยแทรกซ้อนอื่นๆ ได้รับการแก้ไข
- เป้นสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
- มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
- เศรษฐกิจในพื้นที่ได้รับการพัฒนา ประชาชนมีรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- กลุ่มผู้เห็นต่างและประชาชนมีความเชื่อมั่นศรัทธาต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข
- องค์กรทั้งในและต่างประเทศมีความเข้าใจและให้การสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ตลอดจนตัดการสนับสนุนกลุ่มขบวนการ
สำหรับนโยบายสำคัญเร่งด่วน 5 งาน ประกอบด้วย
- งานการควบคุมพื้นที่และการบังคับใช้กฎหมายง
- งานแก้ไขปัญหายาเสพติด
- งานการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง
- งานส่งเสริมการพัฒนาเพื่อความมั่นคง
- งานสร้างความเข้าใจ
"ผมยังคงนโยบายเดิมทั้ง 5 ประการไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ปรับไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งได้ดำเนินการในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกคนที่แจ้งเบาะแส และการดูแลประชาชนและผู้ใต้บังคับบัญชา สัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้เต็มที่และดีที่สุด" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
และว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้หลักของความจริง และไม่สร้างเงื่อนไขในพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลและหนุนเสริมต่อการพูดคุยสันติสุข
ส่วนการบังคับใช้กฎหมาย ยังคงต้องดำเนินการต่อไป ตราบใดที่ยังคงมีผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อยู่ แต่รัฐบาลก็เปิดโอกาสให้บุคคลที่เห็นต่างเข้ามาร่วมพูดคุยแสวงหาทางออกโดยสันติวิธีอย่างต่อเนื่อง
"บิ๊กเกรียง" ยังกล่าวถึงการชุมนุมประท้วงรัฐบาลในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 4 ว่า เป็นไปตามปกติของผู้ที่มีความเห็นแตกต่างซึ่งสามารถชุมนุมได้ แต่การชุมต้องเป็นไปอย่างสงบตามกฎหมาย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังสามารติดตามและรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุมได้เป็นอย่างดี และไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น รวมทั้งไม่มีการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเฉพาะผู้ที่กระทำไม่ถูกต้องเท่านั้น