ข่าวใหญ่ประจำวันเสาร์ที่ 24 ส.ค.62 ไม่ใช่ข่าวการเมืองหรือข่าวเศรษฐกิจที่ไหน แต่กลับกลายเป็นข่าวปล้นร้านทองครั้งมโหฬารที่ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
อำเภอนาทวี เป็น 1 ใน 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาที่เป็นรอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ปรากฏสถานการณ์ความมั่นคง จึงประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือ "พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ" พร้อมๆ กับอีก 3 อำเภอที่เหลือ
พื้นที่เหล่านี้มีสถานการณ์ความไม่สงบคล้ายๆ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ความถี่น้อยกว่า ฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการคุมพื้นที่เข้มงวดมากกว่าปกติ แต่ก็ปรากฏเหตุการณ์ในลักษณะ "ภัยแทรกซ้อน" และอาชญากรรมขนาดใหญ่นานๆ ครั้ง อย่างเช่นครั้งนี้
เวลา 13.30 น. ของวันเสาร์ที่ 24 ส.ค. ตำรวจ สภ.นาทวี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน ใช้รถตู้โดยสารสีขาว แถบเหลือง-ฟ้า เป็นพาหนะขับเข้าปล้นร้านทองสุธาดา ซึ่งเป็นร้านทองขนาดใหญ่ ขึ้นป้ายหน้าร้านว่า "บริษัท สุธาดา กรุ๊ป จำกัด จำหน่าย แลก เปลี่ยน ทองรูปพรรณ" ตั้งอยู่กลางตลาดนาทวี บริเวณวงเวียน แม้การปล้นจะไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่คนร้ายก็กวาดเอาทองคำรูปพรรณ และทรัพย์สินอื่นๆ ไปจนเกือบหมดร้าน
ข่าวบางกระแสแจ้งว่าคนร้ายกวาดทองคำไปได้ น้ำหนักรวมราวๆ 1,000 บาท คิดเป็นมูลค่า 22 ล้านบาท แต่ข่าวบางกระแสอ้างว่าน้ำหนักทองที่คนร้ายได้ไปมากถึง 2,700 บาท มูลค่าสูงถึง 60 ล้านบาท หลังจากนี้คงต้องรอฟังข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ที่น่าสนใจคือวิธีการปล้น ซึ่งคนร้ายวางแผนมาอย่างซับซ้อนและแตกต่างจากการปล้นร้านทองทั่วๆ ไปมากพอสมควร
เริ่มจากเวลาประมาณ 10.00 น. คนร้าย 3 คนปล้นรถตู้ ป้ายทะเบียน 10-1082 ปัตตานี เป็นรถตู้โดยสารสาย "ปัตตานี-หาดใหญ่" สีขาว แถบเหลือง-ฟ้า โดยจุดที่ปล้นอยู่ที่บริเวณบ้านควนคูหา หมู่ 1 ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
เวลาประมาณ 13.35 น. คนร้ายใช้รถตู้นี้เป็นพาหนะไปก่อเหตุปล้นร้านทองที่อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ระยะทางจาก อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ไปที่อำเภอนาทวี ต้องถือว่าไกลพอสมควร
ปฏิบัติการปล้นร้านทอง คนร้ายมีราวๆ 5-7 คน เกือบทั้งหมดใส่เสื้อสีเขียว ทำให้มีข่าวว่าแต่งกายคล้ายทหาร ทั้งหมดมีอาวุธปืนสงครามครบมือ ส่วนใหญ่เป็นอาก้า บุกเข้าไปในร้านทองสุธาดา ขณะนั้นในร้านมีลูกจ้างผู้หญิงอยู่ไม่กี่คน โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามข่มขู่ ถอดสายกล้องวงจรปิด และกวาดทองไปเกือบหมดร้าน ก่อนจะหลบหนีโดยใช้รถตู้คันเดิม
ช่วงเย็นวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตามพบรถตู้ถูกจอดทิ้งในป่ายางพารา ท้องที่หมู่ 4 บ้านพอบิดใต้ ตำบลท่าประดู่ อำเภอนาทวี โดยตำรวจพบรถจากสัญญาณจีพีเอสที่ติดไว้กับตัวรถ ขณะที่อำเภอนาทวีนี้เป็นพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย มีด่านศุลกากรชื่อ "ด่านประกอบ" ตั้งอยู่ที่บ้านประกอบ อำเภอนาทวีด้วย
สำหรับโชเฟอร์รถตู้คันที่ถูกปล้น คือ นายรอสะลี เยาะเส็น อายุ 26 ปี ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.หนองจิก ว่ารถถูกปล้น พร้อมให้การว่า เมื่อวันอังคารที่ 20 สิงหาคม ได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่ง ติดต่อมาขอจ้างเหมารถตู้ ในวันที่ 24 สิงหาคม โดยให้ขับไปรับเวลา 09.15 น. ที่มัสยิดดอนยาง บ้านดอนยาง หมู่ 4 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 (ปัตตานี-หาดใหญ่)
เมื่อถึงวันนัด ตนได้ขับรถตู้ไปรับคนที่ติดต่อไว้ เวลาประมาณ 09.30 น. ที่หน้ามัสยิดดอนยาง พบชาย 3 คน แต่งกายแตกต่างกัน เท่าที่จำได้ คนแรกใส่เสื้อยืดสีโกโก้ กางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋าสีดำ ส่วนสูงราว 160 เซ็นติเมตร คนที่ 2 สวมเสื้อสีแดง ส่วนสูงราวๆ 160 เซ็นติเมตร และคนที่ 3 ใส่แว่นตาดำ ส่วนสูงราวๆ 160 เซ็นติเมตรเช่นกัน
เมื่อรับทั้ง 3 คนขึ้นรถแล้ว คนในรถบอกให้ไปรับเพื่อนที่บ้านควนคูหา ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ตนจึงได้ขับรถออกจากมัสยิด มุ่งหน้าแยกดอนยาง แล้วยูเทิร์นหน้าปั้ม ปตท. กลับรถไปทางอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงป้อมตำรวจทางหลวงบ่อทอง เข้าเส้นทางมุ่งหน้า ตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี แต่เมื่อรถแล่นถึง้านควนคูหา หมู่ 1 ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก คนในรถได้สั่งให้จอดรถ และแสดงตัวเป็นคนร้ายชิงรถของตนไป
โดยคนร้ายได้จับตัวตนเอาไว้ ใช้เชือกมัดมือ และใช้ผ้าปิดตา ก่อนจะลากตนลงจากรถ พาไปมัดกับต้นยางในป่า ก่อนที่คนร้ายจะขับรถของตนหนีไป โดยในเวลานั้นมีคนร้าย 2 คนเฝ้าตนอยู่ กระทั่งผ่านไปร่วมชั่วโมง คนร้ายได้แก้มัดเชือกที่มือก่อน พร้อมกับบอกว่าอีก 10 นาทีให้เปิดผ้าปิดตา เมื่อถึงเวลา ตนก็เปิดผ้าปิดตา ปรากฏว่าไม่เห็นใครแล้ว ตนจึงรีบเดินออกมาจากป่าแล้วขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ให้พามาแจ้งความที่โรงพัก
ต่อมา พ.ต.อ.ฐมณ์พงศ์ เพ็ชรพิรุณ ผู้กำกับการ สภ.หนองจิก พร้อมชุดสืบสวน ได้นำตัว นายรอสะลี โชเฟอร์รถตู้ เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุทั้ง 2 จุด คือจุดนัดพบกับคนร้าย และจุดที่ถูกปล้นรถ เพื่อเก็บวัตถุพยาน พร้อมทั้งได้กำชับให้ชุดสืบสวนไล่กล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พอจะทราบข้อมูลเบาะแสของกลุ่มคนร้ายบ้างแล้ว โดยเฉพาะคนร้ายทั้ง 3 คนที่เป็น "นกต่อ" นัดรถตู้ให้มารับ โดยชุดสืบสวนได้เร่งค้นแฟ้มประวัติอาชญกรรมและความมั่นคง เพื่อให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นพยานชี้ตัวว่าตรงกับคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุหรือไม่
สำหรับโชเฟอร์รถตู้รายนี้ เพิ่งทำงานขับรถตู้โดยสารได้เพียง 8 เดือน ขณะที่กลุ่มคนร้ายยังไม่ฟันธงว่าเป็นอาชญากรธรรมดาหรือเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ เพราะในอดีตก็เคยมีคนในขบวนการก่อความไม่สงบก่อเหตุปล้นธนาคารมาแล้วเช่นกัน
คดีนี้กลายเป็นคดีระดับชาติ เพราะคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ ใช้อาวุธสงคราม และปล้นทองไปได้จำนวนมาก หนำซ้ำยังเกิดเหตุในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่าตำรวจพบเบาะแสขบวนการปล้นร้านทองนาทวี มีมากถึง 10 คน แบ่งหน้าที่กันทำอย่างรัดกุม บางส่วนดูต้นทาง บางส่วนจัดเตรียมยานพาหนะ และบางส่วนบุกเข้าปล้นร้านทอง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-2 ร้านทองสุธาดาที่ถูกบุกปล้น ตั้งอยู่กลางตลาดนาทวี
3 กล้องวงจรปิดจับภาพรถตู้โดยสารที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะขับไปปล้นร้านทอง
4 รถตู้ถูกจอดทิ้งในป่ายางพารา
5 โชเฟอร์รถตู้ที่ถูกปล้นและจับมัดมือผูกติดกับต้นยาง (เสื้อสีฟ้า)