"บิ๊กตู่" เตรียมลงพื้นที่ชายแดนใต้ 7 ส.ค.เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง ที่โรงแรมชางลี อำเภอเมืองยะลา ซึ่งถือเป็นการเยือนดินแดนปลายด้ามขวานเป็นครั้งแรกหลังดำรงตำหน่งนายกรัฐมนตรีสมัย 2
มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันพุธที่ 7 ส.ค.62 โดยมีภารกิจสำคัญคือเปิดอาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง
ล่าสุดมีกำหนดการคร่าวๆ ออกมาแล้ว โดยในช่วงเช้าวันที่ 7 ส.ค. นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ปลายทางที่ท่าอากาศยานปัตตานี จากนั้นเดินทางต่อไปยังศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา หรือ "โรงแรมชางลี" เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง พร้อมชมนิทรรศการศูนย์ประสานงานด้านกิจการเด็กและสตรี รวมถึงพบประชาชนและภาคเอกชน
นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมมอบเงินตอบแทนการทำงานให้กับประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 5 จังหวัด และประธานกรรมการอิสลามประจำอำเภอ มอบเช็คเงินสดช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ผู้แทนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มอบบัตรส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ให้กับบริษัทดีลักซ์ ร่วมกับ spread Creation Furniture Limited (Hong Kong based Company) ที่มีความประสงค์จะลงทุนในพื้นที่ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อขยายฐานการผลิตเฟอร์นิเจอร์และโรงงานฟอกหนังในกลุ่มประเทศ AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน)
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจะมอบหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นโฉนดที่ดินให้กับประชาชน 150 ราย พร้อมพูดคุยแบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับโฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จำนวน 450 รายด้วย
เมื่อจบภารกิจมอบโฉนดที่ดิน นายกฯจะเป็นประธานประชุมติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาจังหวัดยะลา และรับฟังข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตรวจเยี่ยมการทำงานของศูนย์ประสานงานและบริการการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ หรือ osos และศูนย์ประสานงานด้านการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกิจกรรมทั้งหมดยังอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง และนายกฯจะรับประทานอาการกลางวันที่ศูนย์ราชการฯด้วย
หลังร่วมรับประทานอาหาร นายกฯจะเดินทางไปยังตลาดกลางยางพารายะลา ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อตรวจเยี่ยมและรับฟังผลการบริหารจัดการผลไม้และสินค้าทางการเกษตร พร้อมพบปะเกษตรกร จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ
มีรายงานว่า แกนนำชาวบ้านทุ่งน้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เตรียมเดินทางไปยื่นหนังสื่อร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากชาวบ้านมีความเดือดร้อนจากโครงการพัฒนาของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีสั่งยุติโครงการพัฒนาทั้งหมด เพราะจะส่งผลทำลายทรัพยากรธรรมชาติและวิถีชีวิต โดยแกนนำชาวบ้านหวังว่านายกฯจะเปิดโอกาสให้เข้าพบและยื่นข้อเรียกร้องได้
ขณะที่ นายรุ่งเรือง ระหมันยะ นายกสมาคมรักษ์ทะเลจะนะ กล่าวว่า ทางกลุ่มมีความสนใจเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนถึงโครงการพัฒนา และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยเมื่อปี 60 ชาวบ้านได้พยายามไปพบนายกรัฐมนตรีที่เดินทางลงพื้นที่แล้ว แต่ไม่ได้พบ ครั้งนี้จึงหวังว่าจะได้เข้าพบ จะได้คุยกับนายกฯโดยตรงเลย
อนึ่ง ในช่วงรัฐบาล คสช. หลังยึดอำนาจเมื่อปี 57 รวมระยะเวลาบริหารประเทศนานกว่า 5 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี เคยเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ค.59 ไปที่ จ.นราธิวาส เพื่อผลักดันโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" (อ่านประกอบ : นายกฯลงใต้ชู ศก.สู้ภัยความไม่สงบ ดัน "หนองจิก-เบตง-โกลก" เชื่อมโลกมุสลิม)
ส่วนครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.60 ลงพื้นที่ จ.ปัตตานี และมีการจับกุมกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าเทพา อ.เทพา จ.สงขลา จนเกิดความวุ่นวาย
สำหรับ "โรงแรมชางลี" ที่เตรียมเปิดเป็นศูนย์ราชการแห่งใหม่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง เดิมเป็น "โรงแรมร้าง" จากพิษเศรษฐกิจและปัญหาความไม่สงบ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองยะลา โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ในยุคที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการ ได้ตัดสินใจซื้อโรงแรมชางลี จากบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) ตามมติเห็นชอบของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เมื่อวันที่ 17 ก.ย.55 ในราคา 124 ล้านบาท
จากนั้นมีการทำโครงการปรับปรุงและตกแต่งอาคารโรงแรมซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยราว 10,000 ตารางเมตรอีกหลายครั้ง กระทั่งแปลงโฉมเป็นศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้นราว 263,632,000 บาท หรือกว่า 263 ล้านบาท ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงความจำเป็นและความคุ้มค่า เพราะ ศอ.บต.หรือศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีสำนักงานอยู่ในอำเภอเมืองยะลาเช่นกัน (อ่านประกอบ : เปิดงบปรับปรุง "โรงแรมร้างชางลี" เฉียดร้อยล้าน! ออฟฟิศใหม่ ศอ.บต.)