
เหยื่อถูกลอยแพไปอุมเราะห์ 28 คน เข้าให้ข้อมูลดีเอสไอเพิ่ม ขณะที่ผู้แสวงบุญฮัจญ์ 2 ราย โผล่แจ้งพฤติกรรมบริษัทแซะห์รายเดียวกัน แฉไม่ยอมไปจ่ายเงินลงทะเบียนฮัจญ์ให้ผู้ใช้บริการ ทั้งที่ทุกคนจ่ายเงินไปครบหมดแล้ว
ตามที่ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรี ประสานแจ้งสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้แสวงบุญอุมเราะห์ กว่า 100 รายที่มีกำหนดจะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ที่เมืองมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ถูกบริษัท รุจ ฮัจย์ แอนด์ ทราเวล จำกัด (บริษัทผู้ให้บริการทำฮัจญ์และอุมเราะห์) ยกเลิกการเดินทางกะทันหันโดยไม่แจ้งล่วงหน้า จนทำให้เกิดความเสียหายกับพี่น้องมุสลิมที่จะเดินทางไปทำพิธีอุมเราะห์ ถูกลอยแพที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ต.ค.68 ที่ผ่านมา
ต่อมา พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ รองอธิบดี ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.เกรียงไกร สืบสัมพันธ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค และ นายเจตนา เหมมุน ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น และรายงานผลการตรวจสอบ
ล่าสุด วันเสาร์ที่ 18 ต.ค.68 ได้มีตัวแทนของผู้ได้รับความเสียหายจำนวน 28 คน จากจำนวนผู้เสียหายกว่า 100 คน เข้าให้ข้อมูลรายละเอียดในกรณีที่ถูกลอยแพล่าสุด

สรุปว่ากลุ่มผู้เสียหายได้ตกลงซื้อแพ็กเกจเพื่อเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในราคา 79,000 บาทต่อ 1 คน โดยได้รับการแนะนำจากบุคคลใกล้ชิดให้ซื้อแพ็กเกจจาก บริษัท รุส ฮัจย์ แอนด์ ทราเวล จำกัด โดยชำระเงินให้เจ้าของบริษัท ทั้งในรูปแบบการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร และจ่ายเป็นเงินสด รวมถึงผู้เสียหายได้รับการการันตีจากผู้แนะนำว่า เป็นแพ็กเกจที่จะได้รับบริการในระดับ VIP ด้วย แต่ต่อมาก็ถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มอีกจำนวน 15,000 บาทต่อคน แต่พอถึงกำหนดเดินทาง กลับไม่สามารถเดินทางได้
วันเดียวกัน ยังมีผู้เสียหายจากการถูกหลอกให้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ จำนวน 2 ราย อ้างถึงปัญหาอีกกรณีหนึ่งว่าจะมีผู้ที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์กับ บริษัทรุส ฮัจย์ แอนด์ ทราเวล จำกัด (บริษัทเดียวกับที่มีปัญหากับผู้แสวงบุญอุมเราะห์) จำนวน 24 ราย เข้าให้ข้อมูลเบื้องต้นกับ นายเจตนา เหมมุน ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะเจ้าหน้าที่
โดยผู้เสียหายกลุ่มหลังนี้ ให้ข้อมูลว่า เจ้าของบริษัทได้แจ้งกับผู้เสียหายว่า หากสามารถหาลูกค้าที่จะไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้ จำนวน 20 คน ผู้เสียหายจะได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ จำนวน 2 คน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้แพ็กเกจสำหรับการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ จะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2569 ราคา 250,000 บาทต่อ 1 คน ซึ่งเป็นแพ็กเกจระดับ VIP โดยผู้เสียหายได้รวบรวมเงินของลูกค้า แบ่งจ่ายให้เจ้าของบริษัท ทั้งในรูปแบบการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร และจ่ายเป็นเงินสด จำนวน 1,786,000 บาท เพื่อเป็นเงินค่าสมัครลงทะเบียนไปทำฮัจญ์ผ่านกรมการปกครอง จำนวน 22 คน ซึ่งมีการเปิดรับลงทะเบียนฮัจญ์ ปี 2569 ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
ต่อมาผู้เสียหายพบว่า แม้มีการลงทะเบียนสมัครให้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการชำระเงินให้กรมการปกครอง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 เจ้าของบริษัทเพิ่งได้ทำการชำระเงินไปเพียง 142,540 บาท ซึ่งเป็นยอดเพียง 1 คนเท่านั้น จากยอดทั้งหมด 22 คน ทางกลุ่มผู้เสียหายกังวลว่าจะถูกหลอกเหมือนกลุ่มที่ถูกลอยแพไปทำอุมเราะห์ จึงตัดสินใจเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอ
หลังจากนี้ ทางศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้เร่งสรุปและประมวลเรื่อง เพื่อนำเสนออธิบดีดีเอสไอ เพื่อดำเนินการทางคดีและคลี่คลายปัญหานี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนให้มากที่สุด รวมถึงมาตรการในการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำอีกในอนาคต
