
ท่ามกลางแรงกดดันจากทุกฝ่ายที่ออกมาประณามความรุนแรงที่กระทำต่อเด็ก สตรี คนชรา ไม่เว้นแม้แต่ผู้พิการ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาประมาณครึ่งเดือน โดยกระแสประณามพุ่งเป้าไปที่กลุ่มติดอาวุธซึ่งต่อสู้กับรัฐไทย และเชื่อว่าอยู่ภายใต้ขบวนการ BRN นั้น
ล่าสุดวันอังคารที่ 6 เม.ย.68 บุคคลที่รับรู้กันว่าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRN ได้มีการเผยแพร่เอกสารในโซเซียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ของพวกตน โดยอ้างว่าเป็นแถลงการณ์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรของ กลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี หรือ BRN
แถลงการณ์เขียนเป็นภาษามลายู และเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเซียลมีเดีย แต่ไม่มีตราปั๊มอย่างเป็นทางการของกลุ่มขบวนการ
“ทีมข่าวอิศรา” ซึ่งตรวจพบการเผยแพร่แถลงการณ์นี้ จึงสอบถามไปยัง ดร.นิมะตุลเลาะห์ โฆษกของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของฝ่าย BRN ได้รับการยืนยันว่า “เป็นเอกสารจริงจาก BRN”
เนื้อหาของแถลงการณ์ระบุว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ความขัดแย้งในปาตานีดารุสลามเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและความทุกข์ทรมานของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทาง BRN ขอแสดงความเสียใจและความเห็นใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบ
BRN ขอเน้นย้ำว่า เราไม่มีนโยบายโจมตีเป้าหมายพลเรือน และยังคงยึดมั่นในหลักการของการต่อสู้ที่ให้เกียรติต่อชีวิต ศักดิ์ศรี และสิทธิมนุษยชนของทุกฝ่าย เป็นนโยบายการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนมลายูปาตานี
BRN ยึดมั่นในสิทธิแห่งการกำหนดอนาคตตนเองของประชาชนมลายูปาตานี และจะเดินหน้าต่อสู้ต่อไปโดยเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ พวกเราปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และจะมุ่งเน้นการสร้างพื้นที่ทางการเมืองที่ยุติธรรมและครอบคลุม เพื่อให้ประชาชนสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้โดยปราศจากการกดขี่จากรัฐไทย
การใช้ความรุนแรงต่อประชาชนในทุกรูปแบบควรได้รับการสอบสวนอย่างโปร่งใส พวกเราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาลไทยและกลุ่มผู้ต่อสู้ หลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อพลเรือน
การต่อสู้ของพวกเรามีเป้าหมายเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนปาตานี มิใช่เพื่อสร้างความหวาดกลัว ขอให้พวกเรายืนหยัดร่วมกันด้วยสันติและปัญญา
@@ จับสังเกต BRN ไม่ได้ปฏิเสธเหตุโจมตีเป้าหมายพลเรือน
อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า แถลงการณ์ที่อ้างว่าเป็นของ BRN เนื้อหาไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โจมตีเป้าหมายพลเรือน โดยเฉพาะกลุ่มอ่อนไหวและเปราะบางที่เกิดขึ้น เพียงแต่อ้างว่าไม่มีนโยบายเท่านั้น
นอกจากนั้น แถลงการณ์ยังย้ำจุดยืนซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของ BRN คือการมุ่งไปสู่การใช้สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเองของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งพวกเขาเรียกว่า “ประชาชนปาตานี” ซึ่งปลายทางอาจหมายถึง “รัฐเอกราช” ก็เป็นได้ ซึ่งเป็นวิถีทางที่ไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยอย่างชัดแจ้ง
@@ “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง” คืออะไร?
สำหรับ “สิทธิในการกำหนดใจตนเอง” หรือ “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง” ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Right to Self-determination ปรากฏเป็นครั้งแรกในมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 1514 (XV) ลงวันที่ 14 ธันวาคม 1960 เรื่อง “การให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคม” (Declaration on the Granting of Independence to Colonial Countries and Peoples) โดยมีข้อความที่กำหนดไว้ใน มาตรา 1.1 ของมติที่ 1514 กล่าวว่า “กลุ่มชนทั้งปวงมีสิทธิในการกำหนดใจตนเอง โดยสิทธิดังกล่าวพวกเขามีเสรีภาพในการตัดสินใจในสถานะทางการเมือง และดำเนินการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของตนเองได้อย่างเสรี”
ผลของมติที่ 1514 นี้ ทำให้การดำเนินการปลดปล่อยอาณานิคมประสบความสำเร็จ อาณานิคมทั้งหมดต่างได้รับอิสรภาพและได้รับเอกราช จนทำให้หลักการในเรื่องนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป แต่ต่อมาสิทธิในการกำหนดใจตนเองได้ถูกนำไปใช้ในกรณีอื่นๆ ที่ไม่ใช่การให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคมด้วย เช่น การกล่าวอ้างสิทธิของชนกลุ่มน้อยต่างๆ (Minority groups) ที่ต้องการแยกตัวเองออกเป็นรัฐอิสระ นอกจากนั้นสิทธิในการกำหนดใจตนเองยังถูกใช้ในกรณีสิทธิมนุษยชน เช่น สิทธิของชนพื้นเมืองดั้งเดิมด้วย
@@ “บิ๊กจ้อย” แฉขบวนการแตกแยก วางแผนรุกกลับ

แหล่งข่าวจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า แถลงการณ์ที่ออกมายังดูน่าสงสัยว่าเป็นของจริงหรือไม่ จึงต้องตรวจสอบกับข้อมูลแหล่งต่างๆ อย่างชัดเจนอีกครั้ง
ด้าน พล.ท.สุรเทพ หนูแก้ว หรือ “บิ๊กจ้อย” ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.5 กอ.รมน.) กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ภายในขบวนการ BRN มีความขัดแย้งกัน และผลที่ออกมาก็คือปฏิบัติการที่กระทำกับเป้าหมายอ่อนแอ-เปราะบาง ฉะนั้นหากฝ่ายเราตั้งหลักดีๆ จะสามารถรุกกลับฝ่าย BRN ได้
พล.ท.สุรเทพ ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 26 รุ่นเดียวกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก บอกอีกว่า ขณะที่ ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้ตนลงพื้นที่ เพื่อเร่งประสานการปฏิบัติระหว่างกองกำลังฝ่ายความมั่นคง กับกองกำลังภาคประชาชน โดยเฉพาะ อส. เพื่อให้ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้่น ผบ.ทบ.จะลงพื้นที่ชายแดนใต้ในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์และมอบนโยบายกับฝ่ายทหาร ตลอดจนหน่วยกำลังที่ขึ้นบังคับบัญชากับ กอ.รมน.ด้วย
