เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 และสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบของภาค 9 ได้ร่วมกันแถลงผลการดำเนินงานที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา
หนึ่งในคดีใหญ่ที่ ป.ป.ช.ภาค 9 แถลง คือ การชี้มูล พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง (ผบก.ภ.จว.พัทลุง) สืบเนื่องจากการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
จากกรณีสั่งการไม่ตรวจสอบรถยนต์ประสบอุบัติเหตุตกร่องกลางถนนในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.62 ที่มีการกล่าวอ้างว่า ได้บรรทุกบุหรี่และสุราหนีภาษี ทั้งยังไม่จัดเก็บรักษารถยนต์ พร้อมทั้งของกลางในกรณีดังกล่าว เป็นเหตุให้สูญหายไปทั้งหมด
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว มีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 158 และมาตรา 200 วรรคหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79 (1) (5) และ (6) ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว
@@ รถตกถนน – ชายหัวเกรียน – บุหรี่/เหล้าเถื่อน - ป้ายทะเบียนปลอม!
ที่มาของการชี้มูลความผิดดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 9 พ.ย.62 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเอ็กซ์ ติดป้ายทะเบียน กข 8899 สงขลา ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนต้นไม้ในร่องกลางถนน บนถนนเพชรเกษม ช่วงหาดใหญ่-พัทลุง ฝั่งขาขึ้น ท้องที่หมู่ 10 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง ทำให้สภาพด้านหน้ารถพังเสียหาย
ในที่เกิดเหตุมีชายฉกรรจ์ 4 คน ลักษณะตัดผมสั้นเกรียน อายุประมาณ 35-40 ปี คาดว่า บางส่วนนั่งมากับรถที่ประสบอุบัติเหตุ กำลังช่วยกันดันรถขึ้นจากร่องกลางถนน แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ ทั้งหมดก็ได้วิ่งไปขึ้นรถกระบะอีซูซุ 4 ประตูสีเทาอีกคันหนึ่ง หลบหนีไป
จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า ภายในรถที่ประสบอุบัติเหตุ มีลังกระดาษจำนวนกว่า 30 ลัง ภายในบรรจุบุหรี่และสุราต่างประเทศหนีภาษี รวมมูลค่านับล้านบาท จึงตรวจยึดไว้เพื่อหาเจ้าของ และยังตรวจพบอีกว่าป้ายทะเบียนที่ติดมากับรถ “เป็นป้ายทะเบียนปลอม”
@@ สั่งห้ามแตะต้องรถของกลาง - สั่งจอดบ้านผู้การ - สุดท้ายล่องหน
ต่อมา พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงในขณะนั้น ได้เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจหาดีเอ็นเอของกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด พร้อมสั่งให้ตำรวจทุกนายห้ามแตะต้องรถ แล้วยังสั่งให้นำรถพร้อมของกลางไปเก็บไว้ที่หน้าบ้านพักผู้การ โดยอ้างเหตุผลว่าหากเก็บไว้ที่สถานีตำรวจ เกรงว่าจะมีคนไปขโมยบุหรี่และสุราของกลางหาย
แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าทั้งรถยนต์และของกลาง เหล้า-บุหรี่ได้อันตรธานหายไปทั้งหมด ส่วนผู้การพัทลุงไปปฏิบัติภารกิจนอกพื้นที่ จึงไม่สามารถสอบถามข้อมูลใดๆ ได้สร้างความงุนงงสงสัยให้กับสื่อมวลชนและประชาชนที่ติดตามข่าวสารอย่างมาก
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ในฐานะรับผิดชอบท้องที่เกิดเหตุ ก็ไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าเนื่องจากผู้บังคับบัญชาเป็นคนดำเนินการ ในคืนเกิดเหตุพนักงานสอบสวนยังไม่ทราบว่าข้างในรถมีอะไร เพราะถูกสั่งห้ามแตะต้องรถยนต์คันที่เกิดเหตุ จนกระทั่งว่ามาทราบภายหลังว่า รถคันที่ประสบเหตุสูญหายไป
@@ ป.ป.ช. - ป.ป.ท. มีข้อมูลเพียบ แต่ส่งเรื่องไปแล้วเงียบหาย
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) ได้เข้าตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่จากนั้นไม่นาน คดีก็เงียบหาย จนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ใหญ่ขนาดเคลียร์ ป.ป.ช.ได้ ส่วนรถที่หาย ปกติต้องเก็บไว้ที่โรงพัก เราเคยสืบตามจนเจอว่ารถไปซ่อมที่อู่ในหาดใหญ่ (จ.สงขลา) แต่ของกลางหายเกลี้ยง พอสรรพสามิตจะเข้าไปตรวจ ก็ไม่มีรถแล้ว” เป็นข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบหน่วยหนึ่ง
ต่อมามี “นอมินี” ไปพบพนักงานสอบสวน เปรียบเทียบปรับคดีขับรถประมาท เสียค่าปรับ 500 บาท แต่ไม่ใช่คนขับตัวจริง เพราะคนที่มาแสดงตัวไว้ผมยาว ส่วนคนที่นักข่าวเห็นในที่เกิดเหตุ หัวเกรียนทั้งหมด
“ทาง ป.ป.ช. ป.ป.ท.ตามสืบจนเจอรถ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ของกลางไม่มีแล้ว รถก็ใส่ป้ายทะเบียนปลอม รถออกมาได้ 40 วัน ยังไม่ได้ป้าย แต่กลับติดป้ายปลอม ชื่อคนครอบครองรถอยู่ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ทำประกันที่ไหน ใครทำเราทราบหมด เราก็ส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แต่เรื่องก็เงียบหายไปเลย" เจ้าหน้าที่องค์กรตรวจสอบ ระบุ
@@ 2 ปีผ่าน ยังไม่มีการตั้งเรื่องไต่สวน
ข่าวที่เสนอเป็นลำดับมา สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์เมื่อกลางเดือน ก.ย.2564 ของ นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ช. (ตำแหน่งในขณะนั้น) ที่ได้กล่าวว่า ทราบเรื่องจากที่เป็นข่าว มีการรายงานเหตุการณ์จาก จ.พัทลุง เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน แต่จากการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทราบว่า ยังไม่มีการตั้งเรื่องขึ้นมา จึงยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนแต่อย่างใด
@@ อดีตผู้การพัทลุง แจงบรรทุกกล่องสินค้า ไม่มีของเถื่อน
ในปี 2564 เช่นกัน “ทีมข่าวอิศรา” เคยโทรศัพท์ไปสอบถาม พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ซึ่งขณะนั้นขยับขึ้นมาเป็นรอง ผบช.ภ.9 ได้ให้ข้อมูลว่า ในวันเกิดเหตุ เพิ่งกลับจากเป็นประธานงานแต่งงาน และได้ไปที่เกิดเหตุ เมื่อสอบถามร้อยเวรเจ้าของคดี ได้รับรายงานว่าของที่พบในรถที่เสียหลักตกถนนเป็นแค่กล่องสินค้าเท่านั้น และได้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ กันไปเรียบร้อยไปแล้ว มีเอกสารหลักฐานยืนยันเรื่องนี้อยู่
“แต่กรณีที่มีการอ้างว่าพบกลุ่มชายหัวเกรียนเป็นคนขับรถมา ผมก็ไม่ทราบข้อมูลว่ากลุ่มชายหัวเกรียนเหล่านั้นคือใคร”
ส่วนข้อมูลที่ระบุว่าป้ายทะเบียนรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นป้ายทะเบียนปลอมนั้น พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวว่า ร้อยเวรเจ้าของคดีได้รายงานให้ตนทราบถึงเรื่องป้ายทะเบียน แต่ตนจำรายละเอียดไม่ได้แล้วว่าเหตุใดจึงต้องใช้ป้ายทะเบียนปลอม หรือเปลี่ยนป้ายทะเบียนที่ไม่ตรงกับหลักฐานประจำรถ สาเหตุที่จำไม่ได้เพราะเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว
แต่เมื่อทีมข่าวพยายามสอบถามเรื่องขบวนการขนของเถื่อน บุหรี่และสุราหนีภาษี ทาง พล.ต.ต.กฤษฎา ได้กล่าวตัดบทให้ไปสอบถามเรื่องนี้กับทาง พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 (ในขณะนั้น) โดยอ้างว่า เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ในส่วนอำนวยการ จึงไม่มีอำนาจในการตอบเรื่องนี้
@@ พัทลุง...แดนสนธยา?
จากเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น มีข้อพิรุธความผิดปกติมากมาย จากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบ รวมไปถึงข้อมูลจากการสืบสวนสอบสวนจำนวนมากของ ป.ป.ช. -ป.ป.ท. ที่ส่งรายงานไปแล้วเรื่องกลับเงียบหาย
แต่สุดท้ายองค์กรตรวจสอบอย่าง ป.ป.ช. ก็ไม่ยอมแพ้ และรวบรวมหลักฐานจนสามารถชี้มูลความผิด พล.ต.ต.กฤษฎา ได้ แม้จะยังต้องพิสูจน์ความจริงในชั้นอัยการและชั้นศาลก็ตาม
ทั้งนี้ จ.พัทลุงในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน มีคดีใหญ่เกิดขึ้นเยอะ โดยเฉพาะคดีที่เชื่อมโยงกันสมุนของ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” ที่ล้วนแล้วแต่เป็นคดีสะเทือนขวัญทั้งสิ้น สะท้อนถึงความเป็นแดนสนธยาของเมืองเขาอกทะลุ
จนมีคำถามกลับไปว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” พิทักษ์ใครอยู่ และ พล.ต.ต.กฤษฎา ก็น่าจะต้องเป็นผู้ตอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน!