หากใครเคยศึกษาตัวแบบแก้ไขความขัดแย้งในหลายๆ พื้นที่ของโลก จะพบว่า “กีฬา” คือหนึ่งในโมเดลที่มีประสิทธิภาพ และนำพาคู่ขัดแย้งออกจากวังวนปัญหาได้สำเร็จมาแล้ว
หนึ่งในนั้นคือโมเดลของ “แอฟริกาใต้” อันลือลั่น
สำหรับในประเทศไทย ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตัวแบบการใช้กีฬาบรรเทาความขัดแย้งก็ถือว่าน่าสนใจ ที่สำคัญเมืองไทยมีกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะ “มวยไทย” ซึ่งสามารถผลักดันเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” และดึงดูดนักท่องเที่ยว ต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ได้อีกต่างหาก
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ไม่พลาดเทรนด์นี้ จึงได้จับมือค่ายมวยชื่อดัง จัดงานมวยชายแดนใต้ “ศึกแชมป์มวยไทยรากหญ้า เยือนถิ่นรายอสานสัมพันธ์เพื่อสร้างสุขและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้”
กิจกรรมจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามมวยชั่วคราว อาคารพระเศวตสุรคชาสาร หรือ สนามช้างเผือก เทศบาลนครยะลา
งานใหญ่ระดับนี้ ต้องมีคนระดับประมุขฝ่ายนิติบัญญัติอย่าง ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน พร้อม นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรคประชาชาติ สส.ยะลา เขต 2 และ นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ร่วมงาน
ขณะที่หัวเรี่ยวหัวแรงผู้ขับเคลื่อนงาน ก็มากันอย่างพร้อมเพรียง นำโดย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. นายธีรวัฒน์ ศิลปอาชา ผู้อำนวยการกองส่งเสริมกีฬามวย นายอำนาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา นายมุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ ประธานจัดการแข่งขัน และ นายพิเชษฐ์ ชูทอง อุปนายกสมาคมกีฬามวยไทย มรดกไทย
ขณะเดียวกันฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ สส.ในพื้นที่ ก็รวมตัวกันคับคั่ง อาทิ นายสุไลมาน บือแนปีแน สส.ยะลาเขต 1 นายอับดุลอายี สาแม็ง สส.ยะลา เขต 3 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส เขต 5 นายกูเฮ็ง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงยุติธรรม ทั้งหมดสังกัดพรรคประชาชาติ ท่ามกลางประชาชนเข้าร่วมชมและเชียร์อย่างเนืองแน่น
การแข่งขันชกมวยไทยจัดขึ้น 2 วัน ซึ่งถือว่ายิ่งใหญ่จริงๆ สำหรับดินแดนปลายด้ามขวาน โดยวันที่ 16 ส.ค. เป็นการชิงแชมป์มวย 14 คู่ จาก 30 ค่ายมวยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของสงขลา
ส่วนวันที่ 17 ส.ค. เป็นมวยไทยรากหญ้า จากค่ายมวยเกียรติเพชร ทั้งหมด 10 คู่ ที่เคยผ่านเวทีชิงแชมป์มวยภาคใต้ และเวทีมวย 7 สี
“วันนี้นับเป็นนิมิตรหมายอันดีที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศักยภาพด้านการกีฬาของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬามวยไทย ถือเป็นกีฬาประจำชาติ และเป็นกีฬาชนิดเดียวในโลกที่มีชื่อของประเทศอยู่ในชื่อกีฬา” นายธนาวิทย์ ไชยานุพงษ์ นายกสมาคมกีฬามวยไทย มรดกไทย ในฐานะผู้จัดงาน กล่าว และว่าขอสนับสนุนให้รัฐบาลใช้กีฬามวยไทยเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่วัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
สำหรับแนวทางที่จะดำเนินการในนามสมาคมกีฬามวยไทยฯ ก็คือ
- ส่งเสริมให้มีการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี กระจายไปตามจังหวัดต่างๆ ให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ
- เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับบุคคลในวงการมวย ไม่ว่าจะเป็นนักมวย ครูมวยผู้ตัดสิน ค่ายมวย และผู้จัดการแข่งขันกีฬามวย ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- รัฐบาลมุ่งหวังที่จะเห็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งต้องอาศัยการผสมผสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ดนตรีพื้นเมือง อาหารพื้นบ้าน และสินค้าของดีขึ้นชื่อของจังหวัด รวมไปกับการแข่งขันมวยไทย
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแข่งขันครั้งนี้จะช่วยยกระดับมวยไทยให้เกิดเป็นวิถีวัฒนธรรมและเป็นคุณค่าคู่ประเทศต่อไป” นายกสมาคมกีฬามวยไทย มรดกไทย ระบุ
ด้าน นายซูการ์โน กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันศึกแชมป์มวยไทยรากหญ้าเยือนถิ่นรอยอสานสัมพันธ์เพื่อสร้างสุขและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ เพราะยะลาเป็นเมืองใต้สุดของประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามและอากาศบริสุทธิ์สดชื่น พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่สำคัญยะลายังได้รับการยกย่องว่ามีผังเมืองสวยที่สุดติดอันดับท็อป 30 ของโลก
“จังหวัดยะลาเรายังมีนักกีฬาที่มีฝีมือมากมายจังหวัดยะลาเป็นสถานที่รวมนักกีฬาฝีมือดี ไม่ว่าจะเป็นนักมวย และนักฟุตซอลชื่อดังที่ล้วนแล้วเป็นลูกหลานของชาวยะลา รวมถึงพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดการแข่งขันมวยไทยในจังหวัดยะลาครั้งนี้ จะนำความสุข และสามารถช่วยจุดประกายให้กับเยาวชนท้องถิ่นมีความรักและมุ่งมั่นในการออกกำลังกาย เล่นกีฬาต่อไป” สส.ยะลา ระบุ
และว่า การจัดงานครั้งนี้นอกจากทำให้เยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของสงขลา มีโอกาสได้แข่งขันมวยไทยแล้ว ยังทำให้พี่น้องประชาชนได้มีโอกาสชมกีฬามวย และยังช่วยประชาสัมพันธ์ยะลาเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นอีกด้วย