9 ส.ค.67 มีระเบิดในรูปแบบ “คาร์บอมบ์” เกิดขึ้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่ธรรมดา แมัจะไม่ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินมากมายนักก็ตาม
1.เหตุระเบิดเกิดขึ้น 3 จุด บนถนนทางเข้าท่าเทียบเรือปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี เจ้าหน้าที่ต้องปิดพื้นที่ข้ามวันเพื่อความปลอดภัย ก่อนเปิดให้สัญจรตามปกติได้ในวันที่ 10 ส.ค.
2.ระเบิด 2 จุดแรก เกิดห่างกันราวๆ 10 นาที ในช่วงบ่ายโมงกว่าๆ เป็นระเบิดแสวงเครื่องธรรมดา จุดที่เกิดระเบิดคือริมถนน และเกาะกลางถนน
3.ระเบิดลูกที่ 3 เป็น “คาร์บอมบ์” โดยรถที่คนร้ายใช้ติดตั้งระเบิด เป็นรถกระบะ
รถคาร์บอมบ์ จอดอยู่ริมกำแพงรั้วของกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี จึงเชื่อว่าคนร้ายพุ่งเป้าก่อเหตุกับที่ตั้งของหน่วยตำรวจ ไม่ได้เกี่ยวกับท่าเทียบเรือ
4.คาร์บอมบ์ลูกนี้ เป็นลูกที่ 63 ในสถานการณ์ไฟใต้ 20 ปีที่ผ่านมา และเป็นลูกที่ 2 ของปี 67
ประเด็นที่น่าสังเกตก็คือ คาร์บอมบ์ลูกนี้ เกิดห่างจากลูกแรกเพียง 40 วัน และเป็นคาร์บอมบ์ที่พุ่งเป้าที่ตั้งของตำรวจเหมือนกันทั้ง 2 ลูก
ลูกแรก 30 มิ.ย.ที่หน้าแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา จังหวัดยะลา
ลูกล่าสุด 9 ส.ค. ที่ข้างกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ซึ่งมีแฟลตที่พักของตำรวจอยู่ใกล้ๆ ด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญ คาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 22 พ.ย.65 ก็โจมตีแฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต
5.คาร์บอมบ์ทั้ง 2 ลูก ของปี 67 ไม่ใช่รถที่ถูกแจ้งหาย ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสกัดจับได้
คาร์บอมบ์ลูกแรก 30 มิ.ย. คนร้ายใช้รถกระบะของทางราชการ โดยเป็นรถของ อบต.ธารโต จังหวัดยะลา คนร้ายขับออกมาจาก อบต. แล้วนำมาติดตั้งระเบิด และก่อเหตุในวันรุ่งขึ้นทันที โดยทาง อบต.ยังไม่ได้แจ้งหาย และมีคนใน อบต.เกี่ยวข้อง นำรถส่งให้กลุ่มคนร้ายนำไปก่อเหตุ จึงไม่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้สกัดจับหรือเฝ้าระวัง
คาร์บอมบ์ลูกล่าสุด คนร้ายใช้รถเต็นท์ รถหลุดจำนำ มาก่อเหตุ จึงไม่มีการแจ้งหายเช่นกัน รถไม่ได้อยู่ในลิสต์แจ้งเตือนของฝ่ายความมั่นคง ทำให้ด่านตรวจต่างๆ สกัดจับไม่ได้
แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค ก็ให้สัมภาษณ์ยอมรับในเรื่องนี้
รถที่คนร้ายนำมาใช้เป็นคาร์บอมบ์ เป็นรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีเทา ป้ายทะเบียน ผน 2788 สงขลา สถานภาพปกติ ไม่ได้แจ้งหาย
ทราบชื่อผู้ครอบครองแล้ว เป็นชายอายุ 26 ปี ภูมิลำเนาตามบัตรประชาชนอยู่ที่ ต.องครักษ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
จากการตรวจสอบเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ พบว่า รถกระบะคันนี้เป็นรถหลุดจำนำ และยังมีการขายโอนลอยเอาไว้ ไม่ได้เป็นรถที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้วิธีโจรกรรมหรือปล้นชิงมาแต่อย่างใด
พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้ข้อมูลว่า รถที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ เป็นการจำนำส่วนตัว เมื่อหลุดจำนำ จึงมีการประกาศขายทางโซเซียลมีเดีย มีนายหน้ารับซื้อ และมีการซื้อขายกันเป็นทอดๆ รวมทั้งยังใช้ชื่อปลอมในการซื้อ โดยภาพรวมเจ้าหน้าที่ทราบกลุ่มคนร้ายแล้ว กำลังสอบสวนขยายผลหาข้อมูลเพิ่มเติม
“คนร้ายพยายามทำให้ดูซับซ้อน ซื้อชื่ออื่น แล้วก็มีการขายต่อกันเป็นทอดๆ อีก หวังให้เจ้าหน้าที่ตามแกะรอยยาก และไม่ได้ใช้ชื่อจริงในการซื้อ ส่งต่อกันไป ไม่รู้ใครเป็นใคร แต่สุดท้ายก็มีร่องรอยให้สามารถติดตามหาตัวได้ โดยเฉพาะคนที่ขายรถทอดสุดท้าย กำลังตามรอยจากตรงนี้ ทั้งหมดเป็นคนที่มีภูมิลำเนาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติมจากฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ที่มาของรถยนต์ที่นำมาใช้ก่อเหตุ เหมือนกับคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส เมื่อ 22 พ.ย.65 เพราะเป็นรถหลุดจำนำ และโอนลอยเหมือนกัน โดยคนในขบวนการล้วนเป็นบุคคลในพื้นที่ชายแดนใต้ทั้งหมด