ไม่ใช่แค่คดี “ปล้นปืน ชรบ.” ที่ถูกตั้งคำถามด้วยความกังขา แต่คดี “คาร์บอมบ์บันนังสตา” ก็มีปัญหาด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์คาร์บอมบ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.67 ที่หน้าแฟลตข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา นับถึงวันนี้ก็ 11 วันแล้ว ที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเข้ากระบวนการซักถามโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายพิเศษ ทั้งกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวม 8 คน หนึ่งในนั้นคือ นายมูฮำหมัดฮานาฟี (สงวนนามสกุล)
ในรายของ นายมูฮำหมัดฮานาฟี เขาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในพื้นที่หมู่ 6 บ้านบือซู ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา พร้อมกับ นายอาซมัน (สงวนนามสกุล) จากนั้นได้ถูกส่งตัวไปยังศูนย์ซักถามหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามขยายผล
จริงๆ แล้วการควบคุมตัวในชั้นนี้ยังไม่ถือว่ามีความผิด เพราะเป็นการเข้าสู่กระบวนการซักถาม ยังไม่มีหมายจับคดีอาญา ต้องเข้าค่ายทหาร ไม่ใช่เรือนจำ แต่ผลของการถูกควบคุมตัวก็ทำให้คนที่ถูกจับต้องสูญเสียอิสรภาพ หากไม่มีการแจ้งข้อหาก็มีโอกาสถูกคุมตัวนานที่สุดถึง 37 วัน
@@ เมียรักโพสต์ยิบ ไทม์ไลน์สามีไม่มีเอี่ยวคาร์บอมบ์
ล่าสุด มีบัญชีเฟซบุ๊กที่ใช้นามว่า Hu Daaf อ้างว่าเป็นภรรยาของนายมูฮำหมัดฮานาฟี ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้โพสต์ภาพและข้อมูลไทม์ไลน์ของสามี ในช่วงก่อนและระหว่างเกิดเหตุคาร์บอมบ์ เพื่อยืนยันว่าสามีอยู่กับเธอตลอด ไม่มีเวลาช่วงไหนไปเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดแฟลตตำรวจได้
เช่น วันที่ 29 มิ.ย. ก่อนเกิดคาร์บอมบ์ 1 วัน เธอและสามีเดินทางไปที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ไม่ได้อยู่ที่ยะลา หรือบันนังสตา โดยมีการระบุเวลาเป็นรายนาทีว่าออกจากบ้านกี่โมง ขึ้นรถไฟกี่โมง ไปถึง อ.สุไหงปาดี กี่โมง โดยอ้างว่าไปร่วมงานแต่งงาน และค้างบ้านเพื่อนที่สุไหงปาดี
วันที่ 30 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุคาร์บอมบ์ เธอกับสามียังไปเที่ยวน้ำตกด้วยกัน กว่าจะนั่งรถไฟกลับถึงยะลาก็ 4 โมงเย็น เกิดเหตุระเบิดไปแล้ว แถมยังมีฝนตกหนัก เธอพาลูกน้อยไปด้วย จึงต้องแวะหลบฝนที่บ้านญาติใน อ.กรงปินัง จ.ยะลา นอนค้างบ้านญาติอีกคืนถึงจะกลับบ้าน และสามีก็ไปทำงานตามปกติในวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งเป็นวันจันทร์พอดี
ภรรยาของผู้ถูกควบคุมตัว บอกว่า ที่ออกมาโพสต์ข้อความ พร้อมหลักฐาน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้สามี ไม่มีเจตนาอื่นใด
@@ แจงปมพิรุธ ถ่ายรูปทุกจุด...เยอะไปไหม?
อย่างไรก็ดี หลายคนที่ได้เห็นโพสต์นี้ ตั้งข้อสังเกตว่า คนปกติทั่วไป เวลาเดินทางไปไหนจะต้องถ่ายรูปถี่ยิบขนาดนี้เลยหรือ เรียกว่าถ่ายแทบทุกจุดที่แวะไป ทั้งๆ ที่เป็นสถานที่ที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญ และไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่ต้องมีภาพถ่ายเป็นที่ระลึก
“ทีมข่าวอิศรา” ได้สอบถามวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ในพื้นที่ ได้รับคำชี้แจงว่า เป็นเรื่องที่รู้กันของผู้ชายในพื้นที่ว่า อาจตกเป็นเป้าหมายถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ทุกเวลา โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุรุนแรงขึ้น จึงมีการบอกต่อๆ กันว่า เวลาไปไหนให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเตรียมไว้ยืนยันเวลาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
@@ เปิดรายละเอียดนาทีต่อนาที
สำหรับข้อมูลไทม์ไลน์ที่ภรรยาของ นายมูฮำหมัดฮานาฟี โพสต์และอธิบายผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของตน มีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 29 มิถุนายน 2567
เวลา 07.00 น. ดิฉันและสามีได้เดินทางออกจากบ้านไปยังสถานีรถไฟยะลา
เวลา 08.41 น. ได้ขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปสุไหงปาดี
เวลา 11.00 น. ถึงสถานีสุไหงปาดี และได้นัดแนะกับเพื่อนๆ สามีมารับไปงานแต่งเพื่อน ณ บ้านไอบาตู ตนและสามีได้นอนค้างบ้านเพื่อนในวันนั้น
วันที่ 30 มิถุนายน 2567
ยังค้างอยู่บ้านเพื่อนที่ไอบาตู ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
เวลา 10.36 น. ดิฉัน สามี และเพื่อนๆ สามี ได้ไปเที่ยวน้ำตกฉัตรวารินด้วยกัน จากนั้นจึงกลับไปที่บ้านเพื่อนเพื่อเก็บสัมภาระ เดินทางกลับบ้านตนเอง
เวลา 14.39 น. ได้นั่งรถไฟจากสุไหงปาดีเพื่อเดินทางกลับยะลา
เวลา 16.00 น. ถึงสถานีรถไฟยะลา และหลังจากนั้นสามีและดิฉันนั่งมอเตอร์ไซค์จากยะลาเพื่อกลับไปบันนังสตา แต่ด้วยสถานการณ์ฝนตกหนักและพาลูกไปด้วย จึงแวะไปยังบ้านน้าสามีที่กรงปินัง และได้ค้างคืนที่บ้านน้าสามี
วันที่ 1 กรกฎาคม 2567
เวลา 08.00 น.ได้ออกเดินทางจากบ้านน้าสามีเพื่อเดินทางกลับมาบ้านตัวเองที่บันนังสตา
เวลา 09.00 น. เดินทางถึงบ้านพักและเวลาถัดมาสามีก็ได้ไปทำงานตามปกติ
ทั้งนี้ยังมีข้อความทิ้งท้ายอีกว่า “เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดมันไม่ตรงกับที่ตำรวจกล่าวหา ซึ่งมันไม่มีมูลความจริง เพื่อทวงความยุติธรรมและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับสามี”
@@ ปล้นปืน ชรบ.ไม่โยงคาร์บอมบ์ - แฉปฏิบัติการมืออาชีพ
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) และรองผู้บังคับศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.) กล่าวว่า เหตุปล้นปืน ชรบ.ในพื้นที่ 4 จุดของ จ.ยะลา ซึ่งคนร้ายได้ปืนลูกซองยาว 4 กระบอก ปืนพกสั้น 3 กระบอก พร้อมวิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น แนวทางการสืบสวนยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุคาร์บอมบ์บันนังสตา
“กลุ่มที่ปฎิบัติการเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุในพื้นที่ แบ่งหน้าที่การทำ สำหรับการปล้นปืนในเรื่องการแต่งกาย การปฏิบัติ มีอาวุธค่อนข้างพร้อม เชื่อว่าชุดนี้ได้รับการฝึกมาพอสมควร แต่การปฏิบัติจะมี 3 ส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ ผู้ปฏิบัติการหลัก ผู้สั่งการ และที่สำคัญคือผู้สนับสนุน ซึ่งเราจะต้องค้นหาสืบหา เพื่อเอาตัวเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป”