ชื่อของ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “พ่อค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่” ถูกพูดถึงอีกครั้ง เมื่อเกิดกรณีเรือบรรทุกน้ำมันของกลาง 3 ลำ หายไปเฉยๆ จากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ
กองบังคับการตำรวจน้ำ หรือ บก.รน. เป็นหน่วยในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. ซึ่งเคยทำ “เสี่ยโจ้” หลุดมือไปครั้งหนึ่งแล้ว ทั้งๆ ที่จับกุมได้คาร้านอาหารย่านห้วยขวาง กลางกรุงเทพฯ เมื่อปลายปี 64
ตัว “เสี่ยโจ้” ไม่ได้หนีหายไปครั้งแรก แต่เขาเคยหายตัวไปจากศาลจังหวัดปัตตานี ทั้งๆ ที่ถูกศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยมีตำรวจช่วยเหลือพาหลบออกจากศาลอย่างอุกอาจ เมื่อปี 57
ขณะที่ก่อนหน้านั้น เมื่อปี 57 เขาเคยถูกกำลังผสมจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า “ชุดภัยแทรกซ้อน” บุกค้นบ้าน และแจ้งข้อหาดำเนินคดี แต่หลังจากมีคดีเขาก็หนีหายไป กระทั่งแอบหลบกลับมา และไปขึ้นศาล โดนศาลตัดสินจำคุก แล้วก็หนีไปได้อีก
ใครที่เคยดูหนัง Catch me if you can! ต้องบอกว่าพล็อตเรื่องของ “เสี่ยโจ้” น่าตื่นตาตื่นใจว่าในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโลกเสียอีก
ล่าสุดจาก “ตัวหาย” คราวนี้ “เรือหาย” กลายเป็นบทพิสูจน์ความโปร่งใสของ บช.ก. ว่าจะติดตามเรือและน้ำมันเถื่อนของกลางกลับคืนมาได้หรือไม่
เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่ถูกจับกุมได้มี 3 ลำ และมีน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นของกลางมากถึง 300,000 ลิตร ถูกจอดทิ้งสมอในระยะปลอดภัย ห่างจากสะพานตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ประมาณ 100 เมตร
แต่แล้วจู่ๆ เช้ามืดวันพุธที่ 12 มิ.ย.67 เรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 3 ลำได้หายไปจากจุดทิ้งสมอ ประกอบด้วย
1.เรือ เจ.พี. พร้อมของกลาง น้ำมันเถื่อนประมาณ 80,000 ลิตร เรือลำนี้มีลูกเรือ จำนวน 7 คน
2.เรือซีฮอต พร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 150,000 ลิตร เรือล้ำนี้มีลูกเรือ จำนวน 6 คน
3.เรือดาวรุ่ง พร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 100,000 ลิตร เรือลำนี้มีลูกเรือจำนวน 5 คน
สาเหตุที่ต้องนำเรือไปทอดสมอห่างจากสะพานตำรวจน้ำ เพราะตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. มีพายุเข้าในพื้นที่ อ.สัตหีบ มีกระแสลมแรง ทำให้สะพานตำรวจน้ำไม่สามารถรองรับน้ำหนักเรือของกลางที่จอดอยู่บริเวณหัวสะพาน ทั้งหมดได้ จึงให้เรือของกลาง รวม 5 ลำ ออกลอยลำเพื่อทำการทิ้งสมอในระยะปลอดภัย โดยระยะห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อยู่ที่ประมาณ 100 เมตร
หลังทราบว่าเรือของกลางหาย ทางตำรวจน้ำสัตหีบได้นำเรือตรวจการณ์ 815 และเรือตรวจการณ์ 632 ออกค้นหา แต่ยังไม่พบ
ปัจจุบันยังไม่พบเรือดังกล่าวแต่อย่างใด
มีรายงานจาก บช.ก.ยืนยันว่า เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่สูญหายไป เป็นเครือข่ายของ “โจ้ น้ำมันเถื่อน” หรือ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ซึ่งเป็นขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ และตัวของเสี่ยโจ้หลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อน และคดีอื่นที่เกี่ยวข้องกว่า 10 คดี โดยคาดว่ากบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
@@ สั่งเด้งทันควัน 4 ตำรวจน้ำ
งานนี้ต้องบอกว่า บช.ก.นั่งไม่ติด เพราะในอดีตก็เคยเสียหน้ากับ “เสี่ยโจ้” มาครั้งหนึ่งแล้ว
หนนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงเล่นบทเข้มตั้งแต่เริ่ม โดยเซ็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ 4 นาย ย้ายจากตำแหน่งเดิม ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก.ทันที โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม ประกอบด้วย
1.พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ (ผกก.5 บก.รน.)
2.พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สารวัตรสอบสวน 3 กก.5 บก.รน.
3.ส.ต.อ.ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา ผบ.หมู่งานสอบสวน 3 กก.5 บก.รน.
4.ส.ต.ท.อภิชาติ จันทร์หนู ผบ.หมู่สอบสวน 3 กก.5 บก.รน.
@@ ส่ง “บิ๊กเต่า” ลงพื้นที่ จ่อฟันตำรวจน้ำล็อตแรก
นอกจากสั่งย้ายแล้ว “บิ๊กก้อง” พล.ต.ต.จิรภพ ยังได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ “บิ๊กเต่า” รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด
เบื้องต้นมีรายงานว่า มีตำรวจน้ำอย่างน้อย 2-3 นายเข้าข่ายบกพร่องต่อหน้าที่ และอาจโดนดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
มีรายงานด้วยว่า ในวันจันทร์ที่ 17 มิ.ย. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. เจ้าของคดีน้ำมันเถื่อน ได้นัดหมายให้กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นลูกเรือทั้งหมดเข้าพบเพื่อให้ปากคำ และจะมีการซักถามเหตุการณ์ในวันที่เรือของกลางหายด้วย เพื่อจำแนกว่าใครบ้างที่มีส่วนรู้เห็น
แนวทางการสืบสวนเบื้องต้น พบว่า ช่วงค่ำของวันอังคารที่ 11 มิ.ย. เรือยังจอดเปิดไฟลอยลำอยู่ตรงจุดจอด จากนั้นมีการปิดไฟ และพอถึงช่วงเช้าก็พบว่าเรือหายไปแล้ว โดยกลุ่มลูกเรือเกือบๆ 20 คน มีบางส่วนรู้เห็นแน่นอน
@@ แฉเรือน้ำมันเถื่อนโผล่เกาะกูด - 10 ลูกเรือพร้อม จนท.มีเอี่ยว
ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรือโดนเคลื่อนย้ายไปตั้งแต่วันอังคารที่ 11 มิ.ย.เวลา 20.00 น. และแล่นไปทางเกาะกูด (รอยต่อน่านน้ำประเทศกัมพูชา) และไปโผล่ที่นั่น วันพุธที่ 12 มิ.ย. เวลา 08.00 น. โดยมีคน 10 คน นำเรือ 3 ลำออกไป ขณะนี้ทราบแล้วว่ามีใครบ้าง อยู่ในขั้นตอนดำเนินการออกหมายจับ
ส่วนการดำเนินการกับตำรวจน้ำที่รับผิดชอบ ทราบว่ากองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ในสังกัด บช.ก. ได้แจ้งข้อหากับตำรวจน้ำ 4 นายที่เกี่ยวข้องแล้ว
“เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของเรือที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ด้วย นั่นก็คือเสี่ย จ." นายชัยชนะ หรือ สส.แทน ระบุ
และว่า “ขณะนี้ทราบแล้วว่าบุคคลที่ขับเรือไป 10 กว่าคนมีใครบ้าง กำลังขอหมายจับ ส่วนเจ้าหน้าที่จะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง กำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่ แต่เบื้องต้นก็แจ้งข้อหา 157 ประมาทเลินเล่อ เพราะทำไมเรือจอดอยู่ ถึงปล่อยให้ขโมยไปได้"
อนึ่ง ทิศทางที่เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนแล่นหนีไปจากสัตหีบ ที่มีข้อมูลว่าไปโผล่ที่เกาะกูดนั้น เป็นน่านน้ำชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ”เสี่ยโจ้ ปัตตานี“ ที่หนีหายไปจากการควบคุมของตำรวจ และศาล ก็หลบไปกบดานในประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าเป็นกัมพูชาเช่นกัน