“การกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้ซึ่งอุดมการณ์ ทำร้ายพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ กระทำได้แม้กระทั่งผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เขาไม่มีทางสู้...”
นี่คือเสียงประณามจาก พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ที่รับไม่ได้กับเหตุการณ์คนร้ายจ่อยิงทหารพรานหญิง นูรีซัน พรหมศรี เสียชีวิตกลางตลาดนัดดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
เพราะก่อเหตุกันช่วงกลางวัน ไม่ใช่กลางคืน แม้จะเป็นเวลาเย็น แต่ก็ยังไม่มืด ซ้ำยังไม่สนใจสายตาประชาชนที่เดินจับจ่ายซื้อของ แถมยังเป็นห้วงเวลาของเดือนรอมฎอน เดือนแห่งบุญของพี่น้องมุสลิม
เมื่อย้อนดูรายละเอียดของเหตุการณ์ ยิ่งน่าเศร้า...
นูรีซัน คือ อาสาสมัครทหารพราน รู้ตัวว่าถูกปองร้าย จึงขอย้ายจากต้นสังกัดเดิม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ไปอยู่ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของ กอ.รมน.ปลายด้ามขวาน
นูรีซัน ไม่ค่อยกลับบ้าน เพราะรู้ตัวว่าตกเป็นเป้า แต่ห้วงเดือนรอมฎอน เธอตัดสินใจลาพัก และกลับบ้าน เพราะคิดถึงลูกๆ เมื่ออยู่ที่บ้าน ด้วยนิสัยขยันขันแข็ง และใช้เวลาว่างหารายได้ จึงไปช่วยญาติพี่น้องขายอาหารที่ตลาดนัดดุซงญอ
กลางตลาดนัด คนพลุกพล่าน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จึงไม่คาดคิดว่าคนร้ายจะล็อกเป้า ตามมายิงถึงในตลาดช่วงเย็นย่ำก่อนละศีลอด ซึ่งมีผู้คนจำนวนมาก
ซ้ำร้ายเป็นการยิงต่อหน้าลูกชาย และลูกสาว...ลูกชายวัย 17 ปี แต่ลูกสาวอายุแค่ 6 ขวบ
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า นูรีซันเห็นคนร้ายชักปืน จึงโผเข้าบังลูก ทำให้ตัวเองถูกกระสุนปืนเสียชีวิตคาที่เพียงคนเดียว รักษาชีวิตลูกน้อยเอาไว้
“เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 17.30 น. มีคนร้าย 3 คนเดินมาจากปั๊มน้ำมันด้านหลังตลาดนัด และหนึ่งในคนร้ายชักปืนพกออกมาจ่อยิงใส่นูรีซัน ทำให้เธอเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไปทางปั๊มน้ำมัน”
“เหตุเกิดช่วงที่นูรีซันกำลังขายซุปเนื้ออยู่กับญาติผู้หญิง ลูกชาย แล้วก็ลูกสาว จังหวะที่คนร้ายชักปืน เข้าใจว่าเป็นสัญชาตญาณที่ผ่านการฝึกทหารพรานมา ทำให้นูรีซันเห็นก่อน แต่หนีไม่ทันแล้ว เธอจึงรีบเอาตัวไปบังเพื่อปกป้องลูกสาวคนเล็กเอาไว้ จนทำให้กระสุนปืนถูกตัวเองเสียชีวิต แต่ลูกสาวปลอดภัย ส่วนลูกชายคนโต เมื่อเห็นแม่ถูกยิงจึงร้องลั่นตลาดให้ชาวบ้านเข้ามาช่วย”
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ให้ข้อมูลว่า ชีวิตของนูรีซันช่างเสี่ยงอันตราย และเธอเคยสูญเสียน้องชายไปก่อนแล้ว จึงรู้มาตลอดว่าตกเป็นเป้า
“นูรีซันเข้ามาเป็นทหารพรานเพื่อทดแทนตำแหน่งของน้องชายที่ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตเมื่อปลายปีที่แล้ว เธอรู้ตัวมาตลอดว่าถูกปองร้าย แต่แม้จะระวังอย่างไรก็ย่อมพลาดให้คนที่คอยจ้องทำร้ายจนได้”
เมื่อนูรีซันเสียชีวิต ผลที่ตามมาไม่ใช่แค่เธอจากไป แต่อีกหลายชีวิตที่อยู่ข้างหลัง ต้องได้รับความเดือดร้อน ลูกๆ กลายเป็นกำพร้า
“นูรีซันมีสามีเป็นตำรวจประจำอยู่ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตผู้ชายอายุ 17 คนเล็กผู้หญิง อายุ 6 ขวบ น่าเศร้าที่ลูกทั้ง 2 คนอยู่ในเหตุการณ์ที่แม่ถูกยิง”
ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้ดูจะไม่เคยเหือดหายไปแม้เพียงชั่วคราว...